วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552

เผยแผนสร้าง PSP-2 ภาคต่อของยอดเครื่องเล่น สู่อนาคตที่สมบูรณ์ยิ่งกว่า

สำหรับเจ้าเครื่องเล่นที่ชื่อ PSP หรือชื่อเต็ม PlayStation Portable สำหรับในประเทศไทยคงเป็นอะไรที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะจัดเป็นเทคโลโนยีชิ้นใหม่ที่น่าสนใจและได้รับความนิยมในกลุ่มเกมเมอร์ อย่างมาก ด้วยขนาดที่เล็กและพกพาไปไหนมาได้สบาย แถมยังมีความสามารถอื่นๆ ติดมาด้วยอีกมาก ทำให้หลายคนเลือกที่จะซื้อ PSP แทนโทรศัพท์มือถือไปแล้ว


แต่ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย ในประเทศอื่นเจ้าเครื่องเล่นนี้ก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน ถึงแม้ว่าในโซนญี่ปุ่นเครื่อง DS จะดูบูมมากกว่าก็ตาม ซึ่งจากเวอร์ชั่นแรกที่เราได้สัมผัสกันไปแล้วนั้น ตอนนี้ทาง Sony ได้ออกมาเปิดเผยถึงแผนการพัฒนา PSP-2 และออกแบบสำรวจถึงสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการให้เครื่อง PSP-2 ของเขามีอยู่ โดยในครั้งนี้เราก็ได้ตามไปเก็บรายละเอียดบางส่วนที่น่าสนใจมารายงานให้ได้ ทราบกัน

• Touch Screen
เป็นระบบที่มีโอกาสจะเพิ่มเข้ามาใน PSP-2 สูงมาก ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีสมัยนี้ส่วนใหญ่ที่เป็นพวกพกพาจะเริ่มเปลี่ยน มาใช้ระบบ Touch Screen กันหมดแล้ว ที่เห็นชัดๆ เลยก็คือ Iphone ที่สามารถใช้ระบบ Touch Screen เล่นเกมได้อย่างน่าสนใจและโดดเด่นกว่าเครื่องเล่นหลายๆ เครื่อง ซึ่งทำให้ทาง PSP-2 ไม่เพิ่มเติมระบบนี้เขามา ก็อาจเป็นการยากที่จะดึงใจเกมเมอร์เอาไว้




• เพิ่มความสามารถในการใช้งานให้หลากหลาย
เพื่อ รองรับเครื่องเล่น PS3 ได้มีการวางแผนออกสำรวจว่าอาจจะทำให้เครื่อง PSP สามารถรับส่งไฟล์จากเครื่อง PS3 ได้ง่ายขึ้น และยังมีการเสนอให้สามารถดาวน์โหลด E-Book หรือComic ต่างๆ รวมไปถึงการเปิดให้ดาวน์โหลดเพลงจาก PlayStation Network ได้ พัฒนาระบบให้ XMB เหมือนกับเครื่อง PS3 ซึ่งจะช่วยให้ แชท เปิดเพลง เข้าเว็บ ได้พร้อมๆ กับการเล่นเกม




• เพิ่มความง่ายในการใช้งานอินเตอร์เน็ต
เป็นส่วนที่ดูเหมือนผู้ใช้งานหลายคนจะต้องการมาก เพราะบางคนไม่ได้ซื้อ PSP ไปใช้เพื่อเล่นเกมอย่างเดียว แต่ยังต้องการเอามันไปใช้งานอินเตอร์เน็ต ด้วยความโดดเด่นที่มันสามารถเชื่อมต่อ Wireless แต่เพิ่มความน่าสนใจ จึงมีการเสนอให้ควรเพิ่มระบบ BlueTooth เข้าไปเพื่อให้การรับส่งและใช้งานร่วมกันในกลุ่มง่ายยิ่งขึ้น และนอกจากนี้ต้องการให้เพิ่มเติม Keyboard หรือปุ่มกดใช้งานที่รองรับการใช้ อินเตอร์เน็ตมากขึ้น เพิ่มศักยภาพในการดาวน์โหลดเกมและไฟล์ของตัวเครื่องให้มากขึ้น






• ขนาดของตัวเครื่อง รูปแบบของเครื่อง
เพื่อความเป็นเครื่องเล่นพกพา ทำให้มีการเสนอให้ลดขนาดของตัวเครื่องลง และยังต้องการให้มีขนาดของจอภาพเท่าเดิมหรือทำให้ใหญ่มากขึ้น เพื่อความบันเทิงในการใช้งาน ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม เล่นอินเตอร์เน็ต และมีการเสนอให้รองรับ Hard Drive สำหรับเก็บข้อมูลแทน และถ้ารักษาขนาดของจอเครื่องเอาไว้ได้จริง ก็ควรจะทำให้มันรับส่งสัญญาณ TV ได้ด้วย จุดสำคัญก็เกมเมอร์ต้องการแน่นอนก็คือการเพิ่มความละเอียดและระดับการแสดง ภาพบนเครื่องให้ดียิ่งขึ้น (ถ้ารองรับ Unreal3 ได้ก็เทพเลยเนอะ)




นอกจากนี้ยังได้มีการเสนอให้ออกแบบสีของเครื่องให้มีความหลากหลายมากขึ้นนอก จากสีพื้นๆ อย่าง ดำ ซึ่งตอนนี้ก็ได้มีการทำออกมาใน PSP เวอร์ชั่นปัจจุยันและเตรียมจะวางขายแล้ว



ส่วนเรื่องของการนำ PSP เข้าไปร่วมกับ Sony Ericsson เพื่อให้มันใช้งานโทรศัพท์ ก็ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าเราจะได้เห็นมันจริงๆ เพราะสำหรับคนที่ต้องการใช้มันเพื่อเล่นเกมจริงๆ อาจจะไม่ต้องการให้ PSP ของเขามีขนาดเล็กลง และภาพที่แสดงบนจอโทรศัพท์อาจจะไม่ละเอียดจนดีพอจะใช้เล่นเกมได้สนุกจริงๆ และหากจะทำให้ PSP-2 โทรศัพท์ได้แทน ก็มีโอกาสจะทำให้ยอดขายของกันและกันลดลงไป ซึ่งในช่วงนี้เราก็ต้องต้องติดตามรายละเอียดที่แน่ชัดกันต่อไป




by. Lamperouge : แล้วคุณละครับ PSP ของคุณควรจะเป็นแบบไหน สำหรับผมขอแค่ "ถูก" ก็พอ ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น !!

- ทิ้งท้ายด้วยรูปเครื่อง PSP ที่บรรดาแฟนๆ ออกแบบมาให้ชมกัน-








ไอบีเอ็มเผย 3 กลยุทธ์สู่ความสำเร็จในสภาพเศรษฐกิจแบบใหม่

ไอบีเอ็มเผย 3 กลยุทธ์สู่ความสำเร็จในสภาพเศรษฐกิจแบบใหม่

แนะธุรกิจไทย ฝ่าอุปสรรคด้วยการ สร้างคุณค่า หาโอกาส สตาร์ททันที

ไอบีเอ็มเผยกลยุทธ์สู่ความสำเร็จ 3 ประการ สร้างคุณค่า หาโอกาส สตาร์ททันที ซึ่งจะช่วยให้องค์กรธุรกิจของไทยสามารถฟันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจและประสบความสำเร็จในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป

สืบ เนื่องจากวิกฤตการณ์ในภาคธุรกิจการเงิน ส่งผลให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยเมื่อปีที่แล้ว และส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงภาวะเศรษฐกิจในทุกประเทศทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ บริษัทส่วนใหญ่จึงต้องเผชิญกับข้อจำกัดมากมายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในการ เข้าถึงสินเชื่อและแหล่งเงินทุน และในขณะเดียวกันยังต้องรับมือกับความต้องการที่ลดลง และการให้ความสำคัญกับเรื่องของระดับราคามากขึ้นอันเนื่องมาจากกำลังซื้อที่ ลดลงทั้งในส่วนของผู้ บริโภคและองค์กรธุรกิจ ใน สภาพแวดล้อมแบบใหม่นี้ มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการหยุดชะงักในระบบ supply chain รวมถึงการติดต่อประสานงานกับคู่ค้าและลูกค้า ปัจจุบันบริษัทอาจประสบความล้มเหลวหรือประกาศขายกิจการเพียงชั่วข้ามคืน และด้วยเหตุนี้ ธุรกิจต่างๆ จึงต้องเร่งมือปรับโครงสร้างเป็นการใหญ่

กลยุทธ์สู่ความสำเร็จ 3 ประการ

การมุ่งเน้นคุณค่าทางธุรกิจ (Focus on Value): การ เก็บรักษาเงินทุนและลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่แทบจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ แล้วจัดสรรเงินทุนดังกล่าวให้กับกิจกรรม ผลิตภัณฑ์ ตลาดที่ช่วยเพิ่มรายได้ ปรับปรุงผลกำไร และสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ ทั้งนี้เพราะกระแสเงินสดถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการอยู่รอด และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินกลยุทธ์ องค์กรต่างๆอาจปรับใช้กลยุทธ์นี้ด้วยการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ใช้ทรัพยากรน้อยลง โดยมุ่งเน้นเฉพาะงานหลักๆ และใช้ประโยชน์จากความร่วมมือทางธุรกิจ เพื่อให้บริหารจัดการความเสี่ยงและความผันผวนได้อย่างเข้มงวด

การแสวงหาโอกาสใหม่ๆ(Exploit Opportunities): ความรุนแรงของวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้จะก่อให้เกิดโอกาสในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดและเสริมสร้างขีดความสามารถหลักๆ องค์กร ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลจะสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยอาศัยกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การขยายส่วนแบ่งตลาด การสร้างทักษะความสามารถสำหรับอนาคต และการปฏิรูปอุตสาหกรรม

การดำเนินการอย่างฉับไว (Act with Speed): ใน สภาพแวดล้อมแบบใหม่นี้ จำเป็นที่จะต้องมีการดำเนินการที่รวดเร็วและคล่องตัว ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการขจัดระบบงานที่เชื่องช้าและอุปสรรคที่ขัด ขวางการปฏิรูปองค์กร ด้วย เหตุนี้ องค์กรต่างๆ จึงต้องกำหนดวิสัยทัศน์สำหรับอนาคต ลงมือดำเนินการอย่างฉับไวและยืดหยุ่น และจัดตั้งระบบบริหารความเสี่ยงโดยอาศัยการผนวกรวมข้อมูลธุรกิจ


เกือบศตวรรษ ไอบีเอ็มได้ประยุกต์ใช้ 3 กลยุทธ์ ข้างต้นในการดำเนินธุรกิจ สร้างความแตกต่าง และยืนหยัดความเป็นผู้นำธุรกิจไอทีจนปัจจุบัน ไอบีเอ็มเล็งเห็นประโยชน์จากการประยุกต์ใช้ทั้ง 3 กลยุทธ์สำหรับธุรกิจไทย นอก จากนี้ ท่ามกลางความท้าทายทางธุรกิจในปัจจุบัน ไอบีเอ็มยังมีความมุ่งมั่นที่จะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์ และบริการที่ครบวงจรของไอบีเอ็ม รวมถึงบุคลากรที่เปี่ยมด้วยความเชี่ยวชาญ สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อให้องค์กรธุรกิจของไทยสามารถเติบโตได้อย่างต่อ เนื่องและประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน

credit : http://www.marketeer.co.th/marketeertoday_detail.php?marketeertoday_id=822

ARP Spoofing & ARP Poisoning

ARP Spoofing และ ARP Poisoning เป็นการโจมตีเครือข่ายรูปแบบหนึ่ง โดยการส่ง MAC Address ปลอมไปให้เครื่องต่างๆ ในระบบเครือข่าย ผมขอเรียกมันว่าอุปกรณ์ในเครือข่ายดีกว่า เพราะว่ามันสามารถที่จะหลอกอุปกรณ์ทุกชนิดในระบบเครือข่าย โดย MAC Address ที่ส่งไปนั้น จะทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ติดต่อไปยัง MAC Address ปลอมที่ส่งมา ส่งผลให้อุปกรณ์นั้น ไม่สามารถใช้งานระบบเครือข่ายได้

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับโปรโตคอล ARP กันก่อนนะครับ
ARP ย่อมาจาก Address Resolution Protocol การทำงานง่ายๆ ของ ARP มี 2 ขั้นตอน คือ

  1. เครื่องที่ต้องการสอบถาม MAC Address โดยการส่ง ARP Request ซึ่งประกอบด้วย MAC Address และ IP Address ของตนเอง และ IP Address ของเครื่องที่ต้องการทราบ MAC Address ส่วน MAC Address ปลายทางนั้น จะถูกกำหนดเป็น FF:FF:FF:FF:FF:FF ซึ่งเป็น Broardcast Address เพื่อให้ ARP Request ถูกส่งไปยังเครื่องทุกเครื่องที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน
  2. เครื่องที่มี IP Address ตรงกับที่ระบุใน ARP Request จะตอบกลับมาด้วย ARP Reply ซึ่งประกอบด้วย MAC Address และ IP Address ของตนเองเป็นผู้ส่ง และใส่ MAC Address และ IP Address ของเครื่องที่ส่งมาเป็นผู้รับ ARP Reply

สำหรับการโจมตีนั้น เครื่องที่โจมตีจะส่ง ARP Request โดยระบุ MAC Address ของ Gateway ที่ผิดๆ ไป ทำให้เครื่องที่ถูกโจมตีรับ MAC Address ไปอัพเดต ARP Table และยังส่ง MAC Address ปลอมไปยัง Gateway ด้วย ทำให้ Gateway อัพเดต ARP Table ที่ผิดเช่นกัน ส่งผลให้การ Broadcast ไปยังเครื่องต่างๆ ไม่ถูกต้อง ทำให้เครื่อง Client นั้นๆ ไม่สามารถใช้งานระบบเครือข่ายได้ในที่สุด โดยการโจมตีนั้นเครื่องที่โจมตีจะส่ง ARP Reqest เป็นจำนวนมาก

วิธีแก้ไข

วิธีแก้ไขเบื้องต้น ก็คือ กำหนด Static MAC Address ของ Gateway ครับ โดยเราจะต้องทราบ MAC Address ของ Gateway ก่อน จากนั้น เปิด command prompt แล้วพิมพ์ว่า

arp -s [IP Address] [MAC Address]

เช่น

arp -s 192.168.1.1 00-AA-00-62-C6-09

แต่จากการทดลองของผมนะครับ มันไม่สามารถใช้ได้จริง เพราะว่า Static MAC Address นั้น จะตั้งได้เฉพาะเครื่องของเรา แต่เนื่องจาก ARP Spoofing จะโจมตี Gateway ด้วย จึงทำให้ Gateway ได้รับ MAC Address ปลอม และส่งข้อมูลไปยัง MAC Address ปลอมแทนครับ

มาตรา​ 10 ​ผู้​ใด​กระทำ​ด้วย​ประการ​ใด​โดย​มิชอบ​ ​เพื่อ​ให้​การทำ​การของระบบคอมพิวเตอร์ของ​ผู้​อื่น​ถูกระงับ​ ​ชะลอ​ ​ขัดขวาง​ ​หรือ​ ​รบกวนจน​ไม่​สามารถ​ทำ​งานตามปกติ​ได้​ต้อง​ระวางโทษจำ​คุก​ ​ไม่​เกินห้าปี​ ​หรือ​ปรับ​ไม่​เกินหนึ่งแสนบาท​ ​หรือ​ ​ทั้ง​จำ​ทั้ง​ปรับ​

credit : http://www.walanchai.info/2008/arp-spoofing-arp-poisoning/

Millionaire Mind

วิทยากร : คุณขวัญนภา ชูแสง

ความสามารถที่เราใช้อยู่ทั่วไป (จิตสำนัก) ใช้แค่ 7%
ส่วนอีก 93% เป็นศักยภาพที่เราซ่อนไว้อยู่ภายใน (จิตใต้สำนึก)
การที่เราจะประสบความสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องดึงศักยภาพที่เหลืออีก 93% ออกมาใช้งานให้ได้
เพราะศักยภาพในส่วนนั้น มีพลังมากมายมหาศาลที่แอบซ่อนอยู่ โดยที่เราไม่รู้ตัว

หากเราอยากเป็นเศรษฐี ให้ลองคิดแบบเศรษฐี
พยายามฝึกคิด ฝึกนิสัย หลักการดำเนินชีวิตอย่างเศรษฐี แล้วคุณจะเป็นเศรษฐีเข้าสักวัน
จงอย่ารับแต่อย่างเดียว จงอย่าลืมที่จะให้ด้วย

คล็ดลับเกี่ยวกับการจัดการรายได้ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการที่จะประสบความสำเร็จสู่การเป็นเศรษฐี
ด้วยวิธี "กล่อง 6 ใบ"
กล่องใบที่ 1: Play 10% การหาความสุขให้ตนเอง
กล่องใบที่ 2: Education 10% การเพิ่มเติมความรู้ เข้าอบรม สัมนา
กล่องใบที่ 3: Long-term Success Saving 10% สำหรับการวางแผนระยะยาวเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น บ้าน รถ
กล่องใบที่ 4: Financial Free Account 10% สำหรับการลงทุน
กล่องใบที่ 5 : Donate 5% นำไปบริจาค การให้ การแบ่งปัน
กล่องใบที่ 6 : Daily Expense 55% เงินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ถ้าเหลือก็แบ่งให้กล่องข้างต้น
ข้อแนะนำ : ให้เราค่อยๆบริหารเงินเพียงแต่น้อยก่อน
และอาจต้องอาศัยระยะเวลาในการทำ แล้วเราลองมาดูผลกัน

การออกเสียงภาษาอังกฤษ
เทคนิค : ให้ลองออกเสียงเป็นคำอ่านภาษาไทยก่อน แล้วอ่านตาม
จังหวะแรกลากเสียงสระ
จังหวะสุดท้ายหยุดที่ตัวสะกด
และสำหรับคำหนึ่งคำ ก็จะมีความหมายต่างกันได้ ถ้าเราใส่อารมณ์ในการพูดด้วยเสียงและอารมณ์ที่ต่างกัน

สุดท้ายต้องขอขอบคุณ
คุณขวัญนภา ที่สละเวลามาบรรยายเนื้อหาดีๆในครั้งนี้
อาจารย์ธงชัย ที่เชิญท่านวิทยากรมาร่วมแบ่งปันความรู้ให้กับพวกเราอยู่เสมอ

ปล. คาบนี้ผมไม่ได้เข้าเนื่องจากไปเข้าร่วม"ประชุมชี้แจงกระบวนการทำงานของระบบทะเบียนกิจกรรมนิสิตในระยะที่ 2" จึงอาศัย blog ของเพื่อนๆ ในการศึกษาเนื้อหาที่ขาดไป และนำไปปฏิบัติแน่นอนครับ

วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2552

ของเล่นชิ้นใหม่ของ Razer เอาใจคอเกมส์กระเป๋าหนัก[มาก]



Razer Mamba เป็นเมาส์ hybrid สามารถสลับการใช้งานระหว่าง Wired หรือ Wireless ได้ และอัตรา DPI ที่สูงถึง 5600DPI ด้วยเทคโนโลยี 3.5G Laser sensor (ตัวที่แรงที่สุดในตลาดตอนนี้คือ Lachesis 4000DPI 3G Laser sensor)

ใครอยากเป็นเจ้าของเก็บตังค์รอเลยครับ สนนราคาที่ 129.99USD หรือที่ประมาณ 4000+ บาทไทย

การเมืองกระทบงบไอที

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประมวลสถานการณ์ ทั้งเศรษฐกิจที่เผชิญแรงเหวี่ยงจากวิกฤติการเงิน ตลอดจนความวุ่นวายทางการเมืองตลอดปีที่บั่นทอนความเชื่อมั่นทาง เศรษฐกิจ โดยเฉพาะจากเหตุการณ์ปิดสนามบินช่วงปลายปี ว่าจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อเนื่องสำหรับตลาดไอทีปี 2552

กรุงเทพ ธุรกิจ ออนไลน์ : ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้อ้างถึงตัวเลขคาดการณ์จากบริษัทวิจัยตลาด ไอดีซี ว่ามูลค่าการใช้จ่ายด้านไอทีทั่วโลกปีหน้า จะขยายตัวเพียง 2.6% หรือปรับลดลงจากที่เคยว่าจะขยายตัวประมาณ 5.9% ขณะที่ ประเทศไทย ก็คาดว่าจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงเช่นกัน
ก่อน หน้าที่จะเกิดเหตุการณ์การปิดท่าอากาศยานและการยุบพรรค ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในกรณีพื้นฐานเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวประมาณ 3.5% ส่วนในกรณีเลวร้ายที่ การส่งออกและการลงทุนภายในประเทศหดตัว จะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวประมาณ 2.5% ชะลอตัวลงจากปี 2551 ที่คาดว่าจะขยายตัว 4.8% ทำให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจอาจชะลอการใช้จ่ายด้านไอทีตามไปด้วย


โดย เฉพาะธุรกิจที่เน้นตลาดต่างประเทศ อาจต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สถาบันการเงินที่อาจชะลอการลงทุนด้านไอที เพื่อพยุงสถานะทางการเงินให้มีความมั่นคงมากขึ้นท่ามกลางปัจจัย เสี่ยงที่รุม เร้าอยู่มากมาย ดังนั้น ส่วนใหญ่จะปรับลดงบประมาณด้านไอทีลง เลือกลงทุนด้านไอทีที่มีความจำเป็นก่อนเท่านั้น


อีก ทั้งหลังเหตุการณ์การปิดท่าอากาศยานและการยุบพรรค สะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะเสถียรภาพของรัฐบาล ทำให้แผนการ ลงทุนด้านไอทีของภาครัฐและโครงการเมกะโปรเจค มีความเสี่ยงที่อาจไม่เกิดขึ้นตาม แผนการที่วางไว้ แม้ตลาดไอทีอาจมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนในอุตสาหกรรม & nbsp; โทรคมนาคม ที่คาดว่าจะมีการลงทุนเพื่อเปิดให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3จี และไวแม็กซ์


ตลาดไอทีเติบโตลดลง 50%


ศูนย์ วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในกรณีพื้นฐานตลาดไอทีปี 2552 จะมีมูลค่าประมาณ 163,000-169,000 ล้านบาท ขยายตัว 3-5% ชะลอตัวจากปี 2551 ที่มีมูลค่าประมาณ 158,000-161,000 ล้านบาท ขยายตัว 8-10% และต่ำกว่าอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังซึ่งอยู่ที่ประมาณ 15%


ทั้ง นี้ ตลาดคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ มีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องจากปี 2551 เนื่องจากการชะลอการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคเพราะไม่มั่นใจใน ภาวะเศรษฐกิจ โดยคาดว่าในกรณีพื้นฐานตลาดปีนี้ จะมีมูลค่า 74,000-77,000 ล้านบาท ขยายตัว 2-4% ชะลอตัวลงจากปี 2551 ที่มีมูลค่า 73,000-74,000 ล้านบาท ขยายตัว 6-8%


เอกชนชะลอลงทุนซอฟต์แวร์


ทาง ด้านตลาดคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์คาดว่ามีแนวโน้มชะลอตัวเช่นกันตาม ภาวะเศรษฐกิจ โดยคาดว่าภาคเอกชนซึ่งมีสัดส่วนในตลาดกว่า 65-70% จะชะลอการลงทุนด้านไอที
ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนกว่า 28% โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีสัญญาณการชะลอตัวอย่างชั ดเจน ขณะที่ สถาบัน การเงินที่มีสัดส่วนประมาณ 17% ก็อาจระมัดระวังค่าใช้จ่ายมากขึ้น


ส่วนซอฟต์แวร์สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ มีโอกาสขยายตัวสูงขึ้น หากมีการเปิดให้บริการระบบ 3จี


ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในกรณีพื้นฐานตลาดคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ปี 2552 จะมีมูลค่า 64,000-67,000 ล้านบาท ขยายตัว 3-5% ชะลอตัวลงจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีมูลค่า 62,000-63,000 ล้านบาท ขยายตัว 9-11%

ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/2009/01/02/news_324787.php

เล่น"เกมส์" มีโอกาสได้งานมากกว่า?

รายงานจากเว็บไซต์บีบีซีของอังกฤษแจ้งว่า IBM ยักษ์ใหญ่สีน้ำเงินเผย ทางบริษัทมีความสนใจพนักงานที่เล่นวิดีโอเกมส์ โดยให้เหตุผลว่า เกมส์สอนให้ผู้เล่นมีทักษะของการเป็นผู้นำ ซึ่งมุ่งหวังความ"สำเร็จ"มากกว่าแค่การทำให้"เสร็จ"เหมือนพนักงานทั่วไป
เชื่อว่าหลังจากข่าวนี้ออกมา คงทำให้ใครหลายคนที่เคยมองเกมส์เป็นเรื่องไร้สาระ มอมเมา หรือชั่วร้าย เปลี่ยนทัศนคติไป เพราะมันกำลังทำให้เกมเมอร์ที่มีควาามสามารถมีโอกาสได้งานก่อนใครเหตุผลเนื่องจากเวลาที่เล่นเกม คนเหล่านี้จะมีจินตนาการ(ที่หาได้ยากจากพนักงานทั่วไป)ประหนึ่งว่า กำลังเผชิญกับปัญหาในสถานการณ์จริง ภายใต้ความกดดันที่ต้องฟันฝ่าไปให้ได้ ซึ่งมันจะหล่อหลอมให้ผู้เล่นมีบุคลิกภาพของความเป็นผู้นำ (คิด วางแผน เสียสละ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคโดยง่าย) ดังนั้นหากผู้สมัครคนใดที่มีความสามารถเหมาะสมกับงาน แถมยังชื่นชอบการเล่นเกมส์อีกด้วย ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
บางทีเกมสร้างสวนสัตว์อย่าง Zoo Tycoon อาจจะทำให้ผู้เล่นมีทักษะในการทำธุรกิจอย่างซื่อสัตย์ และจริงใจ ในขณะที่เกม Mario Kart อาจจะช่วยให้คุณขับรถได้ดีขึ้นก็ได้...

credit : http://www.arip.co.th/2006/news.php?ofsm=1&ofsy=2009&id=408359

ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต !! เด็กโหดฆ่าแม่เพราะฉุนโดนยึดเกม


มาร์ค-ซูซาน แพทริค(รูปซ้าย)
แดเนี่ยล แพทริค(รูปขวา)


ศาลเมืองโลเรน เคาตี้ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา พิพากษาตัดสินให้ แดเนี่ยล แพทริค วัย 17 มีความผิดฐานฆาตกรรมมารดา - พยายามฆ่าบิดา และถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตโดยไม่รอลงอาญา หลังจากที่ก่อเหตุรุนแรงดังกล่าวในปี ค.ศ.2007 เพราะโกรธแค้นที่ถูกยึดเกม Halo 3

เมื่อวันที่ 12 มกราคม ค.ศ.2009 ที่ศาลเมืองโลเรน เคาตี้ รัฐโอไฮโอ ผู้พิพากษา เจมส์ เบิร์ก ได้พิพากษาตัดสินให้ แดเนี่ยล แพทริค วัยรุ่นชายอายุ 17 ปี มีความผิดฐานฆาตกรรมมารดา - พยายามฆ่าบิดา และถูกลงโทษให้จำคุกตลอดชีวิตโดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากการใช้อาวุธปืนยิงที่ศีรษะคนทั้งสอง จากนั้นพยายามป้ายความผิดให้กับบิดาด้วยการนำอาวุธปืนไปใส่ไว้ในมือของ มาร์ค แพทริค ผู้เป็นบิดา เป็นการกระทำที่มีการคำนวณและวางแผนไว้ล่วงหน้า

โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ.2007 มาร์ค แพทริค ผู้เป็นบิดาได้ยึดเอาวีดีโอเกม Halo 3 ของบุตรชายไปเก็บไว้ไม่ให้ แดเนี่ยล มีโอกาสได้เล่น จนกระทั่งวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ.2007 แดเนี่ยล แพทริค วัย 16 ปี ได้แอบเข้าไปในห้องเพื่อเอาวีดีโอเกม Halo 3 กับปืนพกขนาด 9 ม.ม. ของบิดาไปพร้อมกัน แล้วนำปืนดังกล่าวไปใช้ก่อเหตุรุนแรงในที่สุด

จากคำให้การของ มาร์ค แพทริค วัย 45 ปีผู้เป็นบิดาระบุว่า ในวันดังกล่าวขณะที่เขาและภรรยากำลังนั่งอยู่ที่โซฟา แดเนี่ยลได้มายืนอยู่ด้านหลัง พร้อมกับบอกให้พวกเขาหลับตาเนื่องจากมีเรื่องที่อยากจะให้คนทั้งสองประหลาด ใจ

"ผมหลับตาพร้อมกับคิดว่าคงจะมีเรื่องดีๆมาเซอร์ไพรซ์ แต่หลังจากนั้นศีรษะของผมก็ไม่รู้สึกอะไรเลย เลือดจากรอยแผลของกระสุนไหลเต็มศีรษะผม ผมตระหนักได้ว่า ซูซาน แพทริค (อายุ 43 ปี) นอนเสียชีวิตอยู่ใกล้ๆ เพราะโดนยิงที่ศีรษะ แขนและหน้าอก จากนั้นลูกชายผมก็เอาปืนมาใส่มือผม แล้วบอกว่า เฮ้..ป๋า นี่ปืนของป๋าแน่ะ เอาไปสิ" มาร์ค แพทริค ให้การต่อศาล

อย่างไรก็ตาม มาร์ค แพทริค รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้เพราะว่า ลูกสาวของเขา ไฮดี้ อาร์เชอร์ กลับมาบ้านพร้อมกับ แอนดรู อาร์เชอร์ ผู้เป็นสามีพอดี ขณะที่แดเนี่ยลโกหกพี่สาวของเขาว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากคนทั้งสองมีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง จากนั้นได้หนีออกจากบ้านไป แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา และถูกพิพากษาตัดสินให้มีความผิดในที่สุด

credit : http://www.manager.co.th/Game/ViewNews.aspx?NewsID=9520000004228

วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2552

ฝึกความจำ

การจำของ ตัวเลข หรือหน้าคนมากๆได้และถูกลำดับไม่ใช่เรื่องยาก ไม่มีใครความจำดี หรือความจำไม่ดี อยู่ที่ว่าได้รับการฝึกฝนการจำหรือยัง

การจำสิ่งของหลายๆอย่างๆ จำเป็นต้องมีตะขอ(hook)ที่ใช้ดึงความจำนั้นขึ้นมา มีสองวิธีมาเสนอคือ Index กับ Roman Room System
  • Index จะเป็นการจำว่าของแต่ละอย่างอยู่ลำดับที่เท่่าไหร่ด้วย โดยลำดับที่ว่านี้คือ 1 2 3 4 5 ... แต่หากจำโดยจำว่า 1 คืออะไร 2 คืออะไร รับรองว่าจำได้ไม่กี่อย่างก็ลืมแล้ว เทคนิคที่ใช้คือ การแทนตัวเลข 1 2 3 ... ด้วยภาพแทน หลังจากนั้นก็พยายามผูกโยงความสัมพันธ์ของลำดับกับคำ เช่น คำแรกเป็น น้ำแข็ง ก็อาจนึกถึงภาพต้นไม้น้ำแข็ง สิ่งสำคัญคือต้องทำให้แปลก เหนือธรรมชาติ และพยายามให้มีทั้งเสียง กลิ่น หรือรสชาติ เพิ่มเข้าไปในภาพด้วย เพราะจะช่วยให้จำและนึกออกได้ง่าย


  • Roman Room System จะ้เป็นการจำโดยผูกโยงกับสถานที่ เช่น เราเดินทางไปสยามด้วยBTS เริ่มด้วยสถานนี หมอชิต - สะพานควาย - อารี - สนามเป้า - ... - สยาม เราสามารถใช้เส้นทางเหล่านี้แทนตะขอที่แขวนความทรงจำได้ วิธีนี้สามารถทำให้เราจำของได้มากมาย ขึ้นอยู่ว่าเรามีตะขอเท่าไหร่ โดยเวลาใช้ ก็ให้จินตนาการว่าไปเจอของนั้นอยู่ตรงสถานที่นั้นๆ ลักษณะคล้ายๆแบบ Index เลย
การจำตัวเลข จะใช้วิธีการแทนตัวเลขด้วยอักษรแทน แล้วก็สร้างขึ้นมาเป็นประโยคหรือเรื่องราวที่ทำให้เราจำได้ โดย 0=อ(ฮ), 1=รว, 2=ขง, 3=ตพฒฐฑฆ, 4=สษศ, 5=บฉช, 6=ห, 7=จ, 8=ป, 9=ก
ใช้ในการจำเบอร์โทร ทะเบียนรถ หรือค่าต่างๆ เช่น 10 แทนด้วยคำว่า เสือ (ส-อ) หากเป็นเลขหลายๆหลักเราอาจแบ่งย่อยมาเป็นคู่ๆก็ได้ แล้วค่อยสร้างเป็นคำๆไป


การจำใบหน้า
ให้สังเกตที่หน้าของคนนั้นแล้วหาสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ จำลักษณะโครงหน้า ขนาดหน้า ลักษณะคิ้ว ลักษณะตา รูปจมูก รูปปาก เราสามารถนำชื่อของคนนั้นไปสัมพันธ์กับใบหน้าก็ได้ การจำทรงผมจะไม่ไฃค่อยเท่าไรเพราะเปลี่ยนแปลงได้ง่ายและบ่อยครั้ง

ในท้ายนี้ก็ขอขอบพระคุณ อ.ธงชัย และพี่ป๋วย ที่มอบเทคนิคที่มีประโยชน์นี้ให้ครับ ขอบคุณมากครับ

วันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2552

Strategy

วงจรการบริหารธุรกิจจะมีลักษณะวงกลม เมื่อเดินมาครบทุกสูตรแล้ว ในที่สุดก็จะต้องกลับมาที่จุดเริ่มต้น คือ การวางกลยุทธ์ (Strategy) เป็นเหมือนการกลับมาทบทวนดูการบริหารของเราอีกรอบว่า กลยุทธ์ (Strategy) ธุรกิจที่เราทำอยู่ เป็นอย่างไรบ้าง มี ข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร เพื่อจะหากลยุทธ์ใหม่ ๆ รูปแบบใหม่ ๆ ในการทำงาน

ในต่างประเทศเราจะเห็นองค์กรต่าง ๆ มีแผนก Strategic Planning เพื่อคอยเช็คสุขภาพธุรกิจขององค์กรนั้น ๆ ว่ายังมีกลยุทธ์ที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้หรือไม่ และเป็นหน่วยงานที่คอยวางแผนสอดส่อง หาช่องทางและโอกาสใหม่ ๆ เข้ามาเติมเต็มให้ธุรกิจ

สำหรับหลักคิด 3 ตัวแรก Model, Scale และ Leverage เรียกได้ว่าเป็น Fundamental เป็นเหมือนกับ Foundation ของเรา นั่นคือ การเริ่มต้นจากอะไร เมื่อถึงจุดหนึ่งยังมี Growth อยู่หรือไม่ ยังสามารถ Leverage ต่อไปได้หรือไม่ หลังจากนั้นต้องมาดูว่า Strategy เป็นอย่างไร
หลังจากนั้นคำถามก็จะวนกลับมาเป็นแบบเดิมว่า "เราจะหาอะไรใหม่ ๆ ให้ธุรกิจ"

หลายธุรกิจจะเดินตามหลักคิดนี้ เช่น ธุรกิจโรงแรม เมื่อเริ่มจากแบรนด์แรกแล้ว ก็มักจะแตกแบรนด์อื่นๆ ตามมาด้วย หลังจากนั้นก็เริ่มจับ Segmentation ถือเป็นเรื่องของ Strategy ไม่ใช่การ Leverage เช่นเดียวกับการทำธุรกิจประเภทหนึ่งและขยายไปทำอีกธุรกิจหนึ่ง ก็เป็นเรื่องของ Strategy เพื่อหายุทธศาสตร์ใหม่ ๆ เข้ามาเติมให้องค์กรเติบโตต่อไปในอนาคต และทำให้ธุรกิจที่เราดำเนินการอยู่มีอะไรใหม่ ๆ เข้ามาอยู่ตลอดเวลา

Strategy เป็นการ Rethink หรือ Focus ว่ายุทธศาสตร์ใดบ้าง ที่ได้เวลาต้องมาอัพเดทให้ก้าวทันสถานการณ์การทำธุรกิจ ซึ่งหลายองค์กรควรจะให้ความสำคัญกับหน่วยงาน Strategic Planning เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เองก็มีหน่วยงาน Strategic Planning ที่จะทำหน้าที่วิเคราะห์ตัวเลขต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ศึกษาพื้นที่การขยายสาขาใหม่ ๆ วิจัยข้อมูลต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา

Strategy เป็นการคิดแบบเชิงกลยุทธ์ ที่สามารถคิดได้จากพื้นฐานธุรกิจเก่า และการพัฒนาธุรกิจใหม่

ในธุรกิจเก่าเมื่อบิซิเนส โมเดล มี Scale ที่เหมาะสมแล้ว และสามารถ Leverage การเติบโตได้ครบทุกช่องทางแล้ว และเมื่อเติบโตได้ถึงจุดหนึ่งก็ต้องคิดต่อว่าจะทำอย่างไร ซึ่งเป็นขั้นตอนของ Strategy ที่ถือว่าเป็น Step of Life ของธุรกิจ ที่ต้องคิดให้ต่อเนื่องกันไป เพื่อให้เกิดวงจรธุรกิจที่ยั่งยืน

Strategy ของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ คือ การกำหนดยุทธศาสตร์การเติบโตในธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะทำกำไรนอกเหนือจาก การขายบัตรชมภาพยนตร์ ที่เป็นธุรกิจหลัก เช่น การร่วมทุนกับ บีอีซี เทโร บริหาร ไทยทิคเก็ตเมเจอร์, ขยายธุรกิจจัดจำหน่าย วีซีดี ดีวีดี เป็นต้น ทั้งหมดเป็นการทำธุรกิจให้ครบวงจรในอุตสาหกรรมนั้น ๆ และเป็นการสร้าง บิซิเนส โมเดล ที่จะทำงานได้ง่ายขึ้น เติบโตได้ง่ายขึ้น แข่งขันได้ง่ายขึ้น หากไม่ทำเช่นนี้ก็จะเป็นโมเดลที่เติบโตได้ลำบาก ทำธุรกิจต่อไปก็เสียเวลา

อีกตัวอย่างที่เป็น Strategy ของ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว คือ การร่วมเป็นพันธมิตรกับ บริษัท พีวีอาร์ ซีนีม่าร์ จำกัด (มหาชน) ประเทศอินเดีย เพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจโบว์ลิ่ง, คาราโอเกะ, ลานสเกตน้ำแข็ง และเกมโซน ภายใต้แบรนด์ Blu-O Rhythm & Bowl ในอินเดีย เนื่องจากผมเห็นว่าอินเดียเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพด้านการขยายตัวและการ พัฒนาประเทศค่อนข้างสูงมาก ประกอบกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคของอินเดียนั้นมีศักยภาพที่เอื้อให้ธุรกิจไล ฟ์สไตล์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เติบโตได้ดีแห่งหนึ่ง

การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เพราะผมมองว่าตลาดไทยน่าจะมั่นคงในระดับหนึ่งแล้ว เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ จึงต้องมองการ Leverage ประสบการณ์ในธุรกิจในตลาดอื่น ๆ ที่มีโอกาส จึงเริ่มวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ

และเมื่อมีการวางกลยุทธ์ (Strategy) ว่าจะไปขยายธุรกิจในต่างประเทศแล้ว ก็เริ่มต้นที่การกำหนด Business Model จากนั้นต่อไปจะเป็นขั้นตอนการทำ Scale และ Leverage เช่นเดียวกัน หลักคิดทั้ง 4 ตัวที่ผมใช้บริหาร เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในประเทศไทย ก็จะนำไปใช้วางแผนในการบริหารธุรกิจในอินเดียด้วยเช่นกัน

credit : http://newsroom.bangkokbiznews.com/comment.php?id=4273&user=vicha

Leverage

เมื่อเราสามารถพัฒนาและขยายธุรกิจให้มี Scale ที่เหมาะสมแล้ว จากนั้นต้องคิดถึงการต่อยอดธุรกิจให้เติบโตด้วยแนวคิดแบบ Leverage หรือ การเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการมากกว่าที่มันควรจะเป็น

"การLeverage คือ การนำเอาธุรกิจที่เรามีอยู่ไปต่อยอดร่วมกับพันธมิตร หรือบุคคลอื่นๆ ในรูปแบบต่างๆ ด้วยความพร้อมในจังหวะที่เหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจของเราและ ของพันธมิตร"

ตลอดระยะเวลาการบริหาร เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มากว่า 12 ปี เราได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับธุรกิจอื่นๆ หลากหลายตามแนวคิดแบบ Leverage ที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งการทำธุรกิจในปัจจุบันของหลายๆ ธุรกิจ จะเห็นได้ว่า Revenue ไม่ได้มาจากธุรกิจหลักเท่านั้น แต่มี Revenue จากธุรกิจอื่นๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนและประสบความสำเร็จอย่างมากคือ บริการเคาน์เตอร์ เซอร์วิส ในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่มีรายได้จากการรับชำระค่าบริการต่างๆ ไม่ใช่เพียงแค่การขายสินค้าคอนซูเมอร์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของร้านเท่านั้น

ดังนั้น หากวันนี้เรายังยึดหลักการบริหารแบบเดิมๆ จาก บิซิเนส โมเดล หลักเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องการทำ Scale และ Leverage แล้ว คงมีรายได้เข้ามาจากธุรกิจหลักเพียงทางเดียว ซึ่งอัตราการเติบโตของรายได้ก็คงเป็นแบบเดิมๆ ได้กำไรเท่าเดิม และไม่มีอะไร "ตื่นเต้น" ในการทำธุรกิจอีกแล้ว ดังนั้นเราจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการ Leverage ในทุกๆ ด้านที่มีโอกาส เพราะเป็นการพัฒนารูปแบบการทำการตลาดใหม่ๆ ซึ่งทำให้เรามีโอกาสได้ฝึกคิด และตื่นเต้นกับกลยุทธ์ใหม่อยู่เสมอ เช่น ตั๋วชมภาพยนตร์ เราสามารถบริหารให้เกิดมูลค่าเพิ่มได้อย่างไร สามารถเปลี่ยนให้เป็นมีเดียใช้โฆษณาได้ไหม? พื้นที่ล็อบบี้ของโรงภาพยนตร์เราสามารถทำกิจกรรมได้ไหม? ลานกิจกรรมทำให้มีมูลค่าเพิ่มได้ไหม? หรือสามารถเปลี่ยนพื้นที่มาทำเป็นมีเดียได้อย่างไร? ทั้งหมดล้วนเป็นคำถามที่เมเจอร์ฯคิดมาตลอดและหาคำตอบพบแล้วในการบริหาร ธุรกิจวันนี้ ผมว่าเราสามารถคิดการทำกิจกรรมได้ทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มของการใช้พื้นที่เพื่อให้เกิดประโยชน์และสร้าง มูลค่าเพิ่มสูงสุดได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งหมดมาจากหลักคิดเรื่องการ Leverage ทั้งสิ้น

หากพิจารณาการทำธุรกิจของเมเจอร์ฯเราใช้หลักการ Leverage ทุกด้าน เริ่มจากที่เรามองลูกค้าเป็น Asset เราไม่ได้มอง "ลูกค้า" ว่าเป็นแค่ "คนมาดูหนัง" ดูจบแล้วก็จากไป แต่เราต้องการให้ลูกค้าใช้เวลากับเรามากขึ้น ใช้เงินกับเรามากขึ้น รักเรามากขึ้น และที่สำคัญต้องมีความสุขที่ใช้เวลาอยู่กับเรามากขึ้น ซึ่งทั้งหมดที่เราต้องการจะทำอย่างไร?

คำตอบก็คือ การเพิ่มมูลค่าให้หลากหลาย จากการทำ Lifestyle Mall ธรรมดา เมเจอร์ฯก็เสริม Entertianment เข้าไปด้วย มีทั้ง ไอซ์สเก็ต โบว์ลิ่ง คาราโอเกะ หรือตั๋วชมภาพยนตร์ก็ยังสามารถนำไปแลกบริการอื่นๆ ได้เพิ่มเติม เช่นเดียวกับธุรกิจของร้านแมคโดนัลด์ ที่จะได้สิทธิพิเศษอื่นๆ เพิ่มเติมจากโรงภาพยนตร์ และการ Leverage ต่อไปของแมคโดนัลด์ นอกจากการส่งเดลิเวอรี่อาหารแล้ว ต่อไปอาจจะส่งแผ่นวีซีดี ดีวีดี ให้ถึงบ้านด้วยก็ได้ ซึ่งถือเป็นการ Leverage ทรัพย์สินที่เรามีอยู่ให้เกิดรายได้

หลักการ Leverage ของธุรกิจต่างๆ จะแตกต่างกันตามประเภทของธุรกิจ แต่ของเมเจอร์ฯ จะอยู่บนพื้นฐานที่ "มองลูกค้าเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงสุด" เมื่อลูกค้ามาอยู่ที่เมเจอร์ฯแล้ว จะทำอย่างไรให้ลูกค้าเห็นหรือได้ประโยชน์จากเมเจอร์ฯมากที่สุด และกลับมาใช้บริการบ่อยๆ
ในการปรับปรุงสาขาเก่าของเมเจอร์ฯ และการเปิดสาขาใหม่ จะมีการพัฒนา Lobby Lounge ให้เป็น Public Lounge ลูกค้าจะเห็นมีเดีย กิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ที่สร้างความบันเทิง สามารถให้ข้อมูลหรือสั่งซื้อบริการจากระบบทัช สกรีน ให้กับลูกค้าได้ตามหลักการ Leverage ทรัพย์สินของเมเจอร์ฯ

นักธุรกิจวันนี้จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการ leverage asset ให้ได้สูงสุด หากหลักคิดนี้บางครั้งไม่ได้อยู่ในความคิดของนักธุรกิจก็จะเป็นเรื่องที่ เสียโอกาสในการบริหารธุรกิจอย่างมาก เพราะจะคิดแค่ว่าจะขายสินค้าหรือบริการเพียงอย่างเดียว แต่หากเปลี่ยนแนวคิดใหม่ก็สามารถเติบโตได้อีกต่อไป
ปัจจุบันบิซิเนส โมเดล ทุกประเภทของเมเจอร์ฯจะมีการ Leverage ซึ่งกันและกัน เราจะไม่มองการทำธุรกิจแต่ละธุรกิจเพียงมุมเดียว และหากทุกคนมีหลักคิด Leverage เชื่อว่าทุกธุรกิจจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ไม่แตกต่างกัน และในความเป็นจริงบิซิเนส โมเดล ทุกประเภทของเมเจอร์ฯก็ไม่ได้ Leverage กันเองตามธรรมชาติ แต่เป็นหลักคิดของผู้บริหารที่ต้องการให้ธุรกิจมา Leverage กัน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านรูปแบบกิจกรรมต่างๆ
หลักการ คิด Leverage เป็น creative ที่ต้องสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง ซึ่งทั้งหมดมาจากแนวคิดและความเชื่อว่า "ทำได้" ซึ่งใช้หลักการคิดเดียวกับการ Convergence ที่เป็นการเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจ และผมเชื่อว่าทุกธุรกิจทำได้ไม่แตกต่างกัน

credit : http://newsroom.bangkokbiznews.com/comment.php?id=3918&user=vicha