วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

การฝึกจิต เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน

วิทยากร : ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

คนเรา ต้องรู็จักตัวเอง เพื่อให้รู้ 1.ทิศทางและเป้าหมายของชีวิต 2.ศักยภาพของตนเอง

ฝึกสมาธิ โดยใช้การกำหนดแสงสว่าง จากด้านหน้า เข้ามาที่หน้าผาก แล้วเลื่อนแสงไปที่ใจ มือสองข้าง เท้าสองข้าง ปาก หู ตา หัวใจ ต่อมาก็แผ่คลุมห้อง แผ่ถึงพ่อแม่ ถึงครูบาอาจารย์ และแผ่ไปทั่วโลก ทั่วจักรวาล ตามลำดับ โดยให้รู้สึกว่าเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับแสงสว่าง

ลิงเมื่อเห็นขนมในหม้อดินปากแคบๆ ก็เอามือลงไปล้วง แล้วหยิบขนมขึ้นมาเต็มมือ ทำให้ไม่สามารถดึงมือออกจากปากหม้อดินได้ จะวิ่งหนีก็ไม่ถนัด จะปีนต้นไม้ก็ไม่ได้ ทำให้ถูกจับในที่สุด
- ต้องรู้จักปล่อย
อุปสรรคในชีวิต อย่าไปถือมันไว้

มียายคนหนึ่ง ก้มๆเงยๆหาของอยู่แถวๆเสาไฟฟ้า หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งเดินผ่านมา ช่วยยายหาของ ซึ่งคือเข็มเย็บผ้า หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เลยถามยายว่า ยายทำหายที่ตรงไหน ยายจึงตอบว่า ทำหล่นหายในห้องที่บ้าน แต่ที่นั่นมันมืด เลยมาหาใต้เสาไฟฟ้า เพราะสว่างกว่า
-เวลาที่
ความสงบสุขหายไปจากจิตใจ ต้องหาคืนที่จิตใจ ไม่ใช่ไปหาตามที่ท่องเที่ยวหรือผับบาร์อื่นๆ

มีฤๅษีตนหนึ่ง มาแนะนำเศรษฐีที่เป็นโรคปวดหัวว่า ให้มองสีเขียว เศรษฐีจึงทาทั้งหมู่บ้านเป็นสีเขียว และให้ชาวบ้านทุกคนใส่เสื้อผ้าสีเขียว เมื่อฤๅษีกลับมาอีกครั้ง จึงต่อว่าเศรษฐีว่า ทำไมไม่ใส่แว่นสีเขียว จะได้มองทุกอย่างเป็นสีเขียวเอง
-
ให้เปลี่ยนแปลงที่ตัวเองก่อน อย่าไปพยายามเปลี่ยนโลกภายนอก

เราไม่ใช่ร่างกายของเรา หากแต่เป็นแค่เจ้าของร่างกายเท่านั้น เมื่อเราตาย เราก็ไม่ได้สูญสลายไปไหน ร่างกายต่างหากที่สูญไป การอยู่อย่างมีความสุขจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ พยายามตัดคำว่าต้องการ ออกไปจากสมองของเรา เพราะความต้องการนี้เองทำให้จิตของเราเป็นทุกข์ ให้พยายามปล่อยวางทุกอย่าง อย่าไปยึดมั่นกับอะไร

You are what you think! ระวังความคิดของตน พยายามคิดในแง่บวก คิดในแง่ดีไว้เสมอๆ เพราะจิตเป็นนายของร่างกาย ถ้าจิตคิดอย่างไร กายก็เป็นอย่างนั้น

ในท้ายนี้ ขอขอบคุณ ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา และอ.ธงชัย ที่สรรหาเรื่องราวดีๆมีสาระมีนำเสนออีกครั้ง ขอบคุณครับ

ไม่มีความคิดเห็น: