วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

การจัดการการเงินของธุรกิจ

Money Pro:วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ wiwanbkk@yahoo.com

“การ เงิน” เป็นเรื่อง ที่ผู้บริหารฝ่ายอื่นในองค์เห็นเป็นเรื่องลึกลับ ยากต่อการเข้าใจ และมักรู้สึกว่าเวลาขอเงิน ของบประมาณ ฝ่ายการเงินจะเข้มงวดเหลือเกิน ผู้บริหารหลายๆ ฝ่ายงาน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการตลาด ฝ่ายผลิต หรือฝ่ายสนับสนุนอื่นๆ ไม่ค่อยเข้าใจว่าฝ่ายการเงินเขามีบทบาทหน้าที่อย่างไร

ถ้าจะเปรียบไป “การเงิน” ก็เหมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นรายรับ รายจ่าย กำไร ขาดทุน กิจกรรมทางการตลาดฯลฯ ล้านแต่เกี่ยวข้องกับการเงินทั้งสิ้น การเงินจึงมีความสำคัญมาก และผู้บริหารฝ่ายการเงินถือเป็นผู้บริหารที่มีความสำคัญรองลงมาจากผู้บริหาร ระดับสูงสุด

ในโลกของทุนนิยม เป้าหมายของธุรกิจคือ การแสวงหาผลกำไร และธุรกิจจะเติบโตได้อย่างยั่งยืนต้องมีผลกำไร ถ้าไม่แสวงหาผลกำไรจะเรียกว่ากิจการที่ไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งจะมีเป้าหมายแตกต่างออกไป หากมีโอกาสดิฉันจะเขียนถึงในภายหลังค่ะ

การเงินกับการบัญชีจะเป็นฝาแฝดกัน มักจะแยกกันไม่ค่อยออก การบัญชีคือการเก็บรวบรวมยอดและรายการเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเงินทั้งหมดของ ธุรกิจ ทั้งการขาย รายจ่าย เจ้าหนี้ ลูกหนี้ สินทรัพย์และหนี้สินของกิจการ โดยงบการเงินที่สำคัญมี 2 งบคือ งบกำไรขาดทุนและงบดุล

งบกำไรขาดทุน เปรียบเสมือนการดำรงชีวิตในแต่ละวัน และจะรวบรวมไว้ดูเป็นรายเดือนและรายปี ว่ามีการใช้เงิน จ่ายเงินอะไรไปบ้าง เมื่อรายรับหักกลบกับรายจ่ายแล้วมีเงินเหลือเป็นกำไรหรือไม่ ในขณะที่งบดุลจะเปรียบเสมือนการฉายภาพไว้ดูสถานะของกิจการ ณ ขณะใดขณะหนึ่ง หรือที่เรียกว่า snap shot เพื่อให้เราสามารถตรวจสอบดูสุขภาพของกิจการว่าแข็งแรงหรือไม่เพียงใด

ฝ่ายการตลาด ฝ่ายผลิต หรือฝ่ายสนับสนุนอื่นๆ ก็ต้องเกี่ยวข้องกับฝ่ายการเงิน เพราะต้องมีกิจกรรมการหาเงิน ใช้เงิน หรือการลงทุน ทั้งนี้ก็เพื่อเป้าหมายการทำกำไรของธุรกิจนั่นเอง

ถ้ามองไปยาวๆ เป้าหมายของการจัดการทางการเงินก็คืออิสรภาพทางการเงิน ซึ่งถ้าเป็นบุคคลก็จะหมายถึงการมีทรัพย์สิน ไม่มีหนี้สิน มีเงินลงทุนที่ให้ดอกให้ผลไว้ใช้ยามที่เราไม่ได้ทำงานหรือเกษียณแล้ว

สำหรับธุรกิจ อิสรภาพทางการเงินหมายถึงการมีกระแสเงินสดพอเพียงให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่าง ไม่ติดขัด และเป้าหมายสูงสุดคือการไม่มีหนี้สิน กิจการเจริญเติบโต สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ สามารถจ่ายเงินปันผลคืนให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราที่ดี

ในการจัดการการเงินของธุรกิจ มีงานหลักๆ อยู่ 3 อย่างคือ การจัดหาเงินลงทุนของธุรกิจ การวางแผนและวิเคราะห์การลงทุนของกิจการ และการจัดการสภาพคล่อง ซึ่งในการจัดการจะมีงานอื่นๆ อยู่ด้วย เช่น การวางแผนภาษี การวางนโยบายเทอมการขายที่ให้กับลูกค้า ฯลฯ

การจัดหาเงินลงทุนของธุรกิจหาได้จาก แหล่งใหญ่ 2 แหล่งคือ เงินทุน (Owner’s Equity) และเงินกู้ยืม (Debt) จะใช้แหล่งไหนก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและอัตราเงินปันผลตอบแทน หรืออัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้กับเจ้าของเงิน

โดยทั่วไปกิจการจะใช้เงินกู้ยืมให้ มากเท่าที่จะสามารถใช้ได้ เพราะต้นทุนถูกกว่า และดอกเบี้ยจ่ายถือเป็นค่าใช้จ่ายที่นำไปลดภาระภาษีได้ ในขณะที่การออกหุ้นเพื่อระดมทุนต้องสูญเสียการควบคุมบริษัทไปบางส่วน และเงินปันผลที่จ่ายให้กับผู้ถือหุ้น บริษัทไม่สามารถนำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณเงินได้เพื่อเสียภาษีได้

อย่างไรก็ดี การกู้ยืมเงินส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาที่สั้นกว่าการใช้เงินส่วนทุน และส่วนใหญ่ต้องใช้หลักประกัน ดังนั้นจึงต้องพิจารณาด้วยว่าแหล่งเงินทุนนั้นมีระยะเวลาเหมาะสมหรือไม่ ถ้าจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนก็สามารถใช้แหล่งเงินทุนระยะสั้นได้ แต่ถ้าจะใช้ในการลงทุนซื้อทรัพย์สิน เช่น ที่ดิน หรือสร้างโรงงาน ควรใช้แหล่งเงินทุนระยะยาว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการขาดสภาพคล่องในภายหลัง กรณีถูกดึงเงินคืน กิจการที่เริ่มต้นใหม่ๆ การคืนทุนอาจจะใช้เวลานาน และอาจจะไม่มีทรัพย์สินไปใช้เป็นหลักประกัน จึงอาจจะยังไม่สามารถกู้ยืมเงินได้ ต้องใช้เงินส่วนทุนไปก่อน จนกว่าจะแข็งแกร่งขึ้น

แหล่งเงินทุนยังแบ่งได้เป็นแหล่งเงิน ทุนภายนอกและทุนภายใน ทุนภายนอกคือ การกู้ยืมหรือการออกหุ้นขาย ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว ส่วนทุนภายใน จะเป็นแหล่งที่ไม่มีต้นทุนทางการเงิน แต่อาจจะมีต้นทุนแฝงทางด้านอื่น

กล่าวโดยกว้างๆ แหล่งเงินทุนภายในจะมาจากกำไร และประสิทธิภาพของการจัดการ โดยกำไรที่ได้จากการดำเนินงาน ถ้าไม่จ่ายเป็นเงินปันผลออกไป ก็นำไปใช้ในการขยายธุรกิจได้ รวมถึงการลดความต้องการเงินทุนหมุนเวียนลง เช่น ลดปริมาณสินค้าคงคลัง หรือที่เรียกกันว่าสต็อกสินค้า ลดระยะเวลาการผลิต ให้ผลิตเสร็จเร็วขึ้น เช่นที่ญี่ปุ่นทำการผลิตแบบ Just In Time คือไม่เก็บสต็อกเลย ผลิตเสร็จก็ส่งไปให้ลูกค้า หรือการเก็บหนี้ให้เร็วขึ้น (โดยไม่ให้เสียลูกค้า) หรือการขยายเวลาจ่ายชำระค่าสินค้าหรือวัตถุดิบให้กับเจ้าหนี้การค้า (โดยไม่ให้เสียเครดิต) เป็นต้น

หน้าที่หลักอย่างที่สองคือการวางแผน และวิเคราะห์การลงทุน ธุรกิจจะมีการเติบโตต้องมีการขยายการลงทุนเพื่อเป็นการขยายรายได้ ในการวิเคราะห์ว่าจะลงทุนในโครงการไหน ต้องพิจารณาเปรียบเทียบผลตอบแทนกับต้นทุนที่ลงไป โดยสามารถใช้วิธีคิดลดกระแสเงินสด (discounted cash flow) เปรียบเทียบกับเงินลงทุนที่ต้องใช้ในปัจจุบันได้ โดยคำนวณเป็นกระแสเงินสดสุทธิในปัจจุบันหรือ net present value ถ้ากระแสเงินสดสุทธิเป็นลบ ก็เลิกคิดที่จะลงทุนไปได้เลย ถ้าเป็นบวกและมีหลายโครงการให้เลือก ก็ต้องเลือกที่เป็นบวกมากที่สุดค่ะ

หน้าที่สุดท้ายคือการบริหารสภาพคล่อง การขายต้องทำให้เป็นเงินสดให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้จ่ายเงินให้พนักงาน เจ้าหนี้การค้า สรรพากร และธนาคาร ได้อย่างตรงเวลา จึงต้องมีวิธีการบริหารให้มีประสิทธิภาพ จัดแหล่งเงินให้ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้และระยะเวลาที่ต้องการใช้ และไม่ให้เกิดติดขัดขาดสภาพคล่องได้ค่ะ

ทีนี้ท่านเห็นใจฝ่ายการเงินแล้วหรือ ยังคะ ว่าเขาต้องรับบทบาทหนักเพียงใด นั่นเป็นคำอธิบายว่าเหตุใดฝ่ายการเงินจึงไม่ค่อยยิ้ม ถ้าท่านเข้าใจเขา ท่านก็จะช่วยให้ความร่วมมือ และทำให้เขายิ้มออกค่ะ


credit : http://www.bangkokbiznews.com/2008/12/08/news_318150.php

ไมโครซอฟท์ ย้ำจุดยืนแบน เกมเมอร์แสดงพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ

ก่อนหน้านี้ไม่นาน the Consumerist ได้รายงานข่าวเรื่องราวที่น่าสนใจออกมาเกี่ยวกับ "เทเรซ่า" สาวที่เปิดเผยว่าตัวเองเป็นกลุ่มรักร่วมเพศ และได้เขียนระบุไว้ในโปรไฟล์ว่าตัวเองเป็นเลสเบี้ยน ได้ร้องเรียนไปยังไมโครซอฟท์ว่ามีผู้เล่นคนอื่นเข้ามาคุกคามเธอในระบบออ นไลน์ Xbox live แต่ผลที่ได้รับกลับมาคือแอคเคาท์ ชื่อของเทเรซ่ากลับถูกแบน โดยไมโครซอฟท์ให้เหตุผลว่า เธอมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศที่มีลักษณะไปคุกคามผู้อื่น จากจำนวนผู้เล่นคนอื่นจำนวนมากที่รายงานเข้ามาว่าเธอต่างหากที่ไปคุกคามผู้ อื่น

ล่าสุดไมโครซอฟท์ได้ออกมาให้อธิบายเพิ่มเติมถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยอ้างระเบียบวิธีการใช้ระบบออนไลน์ Xbox live ที่ระบุว่า สมาชิกห้ามสร้าง gamertag หรือใช้ข้อความใดๆเขียนลงในช่องข้อมูล ที่มีลักษณะเสียงเหมือน , บอกใบ้ , คำย่อ หรือทำให้เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเพศ ซึ่งชื่อโปรไฟล์ที่ทำผิดระเบียบข้างต้นจะถูกขอร้องให้แก้ไข และจะถูกแบนจนกว่าจะมีการแก้ไขให้เหมาะสม ในกรณีที่เกมเมอร์มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศเช่นนี้ ทางไมโครซอฟท์ไม่อนุญาตให้เขียนประเภทของการเบี่ยงเบนทางเพศไว้ในส่วนของโป รไฟล์

ไม่ว่าจะเป็นการคุกคามวิธีใดก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรอภัยให้ทั้งนั้น และเราต้องจัดการอย่างจริงจัง เราสนับสนุนให้สมาชิก Xbox live รายงานพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมผ่านเครื่องมือร้องเรียนที่เราสร้างขึ้น ซึ่งมันสามารถสืบสวนเอาผิดและลงโทษตามความเหมาะสมได้

สังคมชุมชน Xbox live เติบโตขึ้นทุกวัน และเราก็พยายามอย่างต่อเนื่องที่จะปรับปรุงแนวทางรูปแบบกฏข้อบังคับชอง สมาชิกเพื่อให้สมาชิกทุกคนมีความสนุกในการเล่น ซึ่งเราก็พยายามเกาะติดพฤติกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นในระบบเพื่อให้ ระบบมีความปลอดภัยและสนุกต่อสมาชิกทุกคน

ปัญหาความมั่นคงอาจทำให้ต้องสร้างอินเทอร์เน็ตขึ้นมาใหม่

จากปัญหาทางด้านความมั่นคง (security) ที่มีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอินเทอร์เน็ต มีความเห็นว่าวิธีการเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้คือการออกแบบอินเทอร์เน็ตขึ้น มาใหม่ ซึ่งหน้าตาของอินเทอร์เน็ตใหม่นี้น่าจะออกมาเป็นในแนวที่เรียกว่าชุมชนแบบมี รั้วรอบ (gated community) หลัก ๆ ก็คือผู้ใช้จะต้องยอมเปิดเผยตัวตน และจะต้องยอมเสียเสรีภาพอย่างที่มีอยู่ในตอนนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วแนวคิดนี้องค์กรและหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งในสหรัฐเอมริกาก็เริ่มใช้กัน แล้ว ในประเทศไทยก็อาจจะถือได้ว่าเริ่มแล้วเช่นกัน เช่นแนวคิดของรัฐบาลที่จะให้ข้าราชการใช้เฉพาะอีเมลของทางราชการเท่านั้นใน การติดต่องาน

คุณนิค แมกเกาวน์ (Nick McKeown) วิศวกรจากสแตนฟอร์ด (Stanford) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สร้างอินเทอร์เน็ตกล่าวว่า ถ้าเราไม่เริ่มคิดใหม่กับอินเทอร์เน็ตที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็คือเรากำลังนั่งรอให้ความเสียหายร้ายแรงเกิดขึ้น ตัวอย่างหนึ่งก็คือหนอน Conficker ซึ่งเชื่อว่าถูกปล่อยออกมาโดยกลุ่มอาชญากรรมในยุโรปตะวันออก สามารถฝ่าแนวป้องกันที่เรียกว่าดีที่สุดในโลก และในตอนนี้น่าจะติดไปบนเครื่องคอมพิวเตอร์กว่า 12 ล้านเครื่อง ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่นอนว่าหนอนตัวนี้จะถูกสั่งให้ทำอะไร โดยมันอาจจะแค่หลอกให้ผู้ใช้เสียเงินซื้อโปรแกรมป้องกันไวรัสปลอม ๆ หรืออาจจะร้ายแรงขนาดปิดการทำงานของอินเทอร์เน็ตก็ได้ แต่นี่คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนของช่องโหว่ที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ต

ศาสตราจารย์ยูจีน สแปฟฟอร์ด (Eugene Spafford) จากมหาวิทยาลัยเพอร์ดู (Purdue University) กล่าวว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้แย่กว่าเมื่อ 20 ปีก่อน เพราะเงินที่ลงทุนไปกับอินเทอร์เน็ตในตอนนี้เป็นการอุดรอยรั่วแทนที่จะเป็น การออกแบบโครงสร้างพื้นฐานขึ้นมาใหม่

credit: http://www.blognone.com/node/10834

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

RFC วิชา Hack Your Mind

1. ท่านชอบการบรรยายวิทยากรรับเชิญท่านใดมากที่สุด โปรดให้เหตุผล
  • Emotional Excellence โดย อาจารย์วรธนัท ธัญญหาญ เพราะมีworkshopให้ทำเป็นกลุ่มช่วยกันวิเคราะห์ และมีแบบทดสอบว่าเป็นคนแบบไหน รวมไปถึงวิธีการจัดการกับคนประเภทนั้นๆด้วย แถมด้วยภาพยนตร์ล้อเลียนหน่วยงานที่ยึดติดในกฎซึ่งมีประโยชน์มากในการทำงานเป็นทีม ซึ่งจำเป็นในการทำงาน
2. ท่านชอบเนื้อหาการบรรยายของอ.ธงชัย เรื่องใดมากที่สุด โปรดให้เหตุผล
  • Presentation เพราะเป็นการนำเสนอมุมมองการทำ presentation ที่ฉีกออกไป ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ได้ presentation ที่โดดเด่น ดึงดูดความสนใจ และเน้นสิ่งที่ต้องการเน้นได้อย่างชัดเจน
3.โปรดเลือกสามหัวข้อข้างล่างที่ท่านต้องการเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือสนใจเป็นพิเศษ โดยเรียงตามลำดับจากมากที่สุดไปหาน้อยที่สุด และให้เหตุผลประกอบ
การเจริญสติ สมาธิ กฎแห่งการดึงดูด มายด์แมปและจินตภาพ
การสื่อสาร การนำเสนอ การพัฒนาความจำ
การบริหารเงินส่วนบุคคล การพัฒนาสมอง ชี่กง
การสร้างแรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ EE
  • เรื่องแรก : การบริหารเงินส่วนบุคคล เพราะความรู้ด้านนี้มีความสำคัญในการนำไปสู่ความมั่งคั่ง เมื่อเราบริหารเงินได้อย่างฉลาด เราก็สามารถใช้เงินเริ่มต้นเพียงน้อยนิดนำเราไปสู่เงินจำนวนมากได้อย่างแน่นอน
  • เรื่องที่สอง : ชี่กง เพราะเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจดี มีการควบคุมพลัง และถ่ายเทพลัง ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพตอนฝึกแล้วรู้สึกถึงมันทำให้เกิดความอยากเข้าไปสัมผัสศาสตร์นี้อย่างชัดเจน
  • เรื่องที่สาม : การสื่อสาร เพราะว่าจำเป็นในชีวิตประจำวันต้องใช้ตลอด เวลาติดต่อสื่อสารหากเรามีทักษะที่มีย่อมได้รับ response ที่ดีกลับมา
4. ท่านได้นำสิ่งที่ได้จากการเรียนวิชานี้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง
  • ได้รู้จักตัวเองจากคาบแรก และตั้งเป้าหมายระยะสั้น กลาง ยาวให้กับตัวเอง
  • สามารถสงบสติอารมณ์ ยามที่ถูกสิ่งปรุงแต่งต่างๆรุมเร้าด้วยการพาตัวใจกลับบ้าน
  • ฝึกแนะจิตโดยโปรแกรมสิ่งดีๆเข้าไปในหัว หลีกเลี่ยงการคิดสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ
  • นำ mind map ไปใช้ในการสรุปเนื้อหาเพื่อจับประเด็นและเข้าใจง่าย
  • มีสัญลักษณ์ของตัวเอง จากแต่ก่อนไม่มี
  • นำเอาเทคนิคการจำต่างๆไปใช้เมื่อมีโอกาส
  • ใช้เทคนิคกล่อง 6 ใบช่วยในการบริหารเงิน
  • สร้าง presentation ที่ดีขึ้นมาอีกระดับ
  • ใช้ EE ในการวิเคราะห์ผู้อื่น เพื่อดูแนวทางในการปฏิสัมพันธ์กับคนๆนั้น
  • เจริญสติ และสมาธิ ให้พร้อมรับกับเหตุการณ์ต่างๆที่เข้ามาและผ่านมันไปด้วยดี
  • ได้รู้ลักษณะการเรียนรู้ที่ตนฉนัด ดังนั้นเวลาจะเรียนรู้อะไรก็จะใช้ทักษะการเรียนรู้ที่ฉนัดนั้นเพื่อให้เรียนรู้ได้เร็วและเข้าใจได้ง่าย
5. ท่านคิดว่าควรมีการสอบทักษะของเล่นที่ใช้ความคล่องแคล่วของมือหรือไม่ โปรดเลือกคำตอบและให้เหตุผลประกอบ
  • มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ เพราะทักษะของเล่นที่ใช้ความคล่องแคล่วของมือนั้นมีประโยชน์แต่หากฝึกอย่างขอไปทีประโยชน์ที่ได้ก็แทบจะไม่มี ได้แค่ความบันเทิง ซึ่งอยู่ที่ตัวบุคคล แต่อ.ก็สามารถกระตุ้นได้เหมือนกัน เช่นในวิชา creativity ที่ทุกคนจะโยน juggling กันประจำ อย่างน้อยก็ในห้อง
6. ท่านต้องการให้เชิญวิทยากรด้านใดมาบรรยายเพิ่มเติม โปรดเสนอชื่อวิทยากรหรือเนื้อหาที่ต้องการ
  • เนื้อหาเรื่องการเตรียมตัวก้าวเข้าสู่วัยทำงาน จากบริษัทต่างๆที่คาดหวังในบัณฑิตวิศวฯคอมฯจุฬาฯ ว่าเค้าต้องการรับแบบบไหนทั้งในด้านเทคนิค บุคลิก นิสัย ทักษะการเป็นผู้นำ ภาษา ฯลฯ ว่าต้องเน้นอะไรและพัฒนาได้อย่างไร ในแต่ละสายอาชีพที่เกี่ยวข้อง
7.โปรดตั้งคำถามและคำตอบหนึ่งข้อ เสมือนว่าท่านเป็นอาจารย์ผู้สอนวิชานี้
  • ท่านคิดว่า วิชานี้ควรเปิดให้ภาคอื่น หรือคณะอื่น ลงทะเบียนหรือไม่
  • ตอบในมุมมองของคนในภาค หากเปิดให้รับคนนอกเข้ามา ห้องก็จะใหญ่มากทำกิจกรรมได้ไม่ทั่วถึง หรือถ้ากำหนดจำนวนคนไว้ คนในภาคหลายคนก็จะลงทบ.ไม่ได้เพราะ demand สูงขึ้น แต่ supply เท่าเดิม แต่ถ้าเป็นมุมมองของคนนอกก็อยากให้เปิดเพราะเนื้อหาสาระต่างๆก็มีความจำเป็นต่อเค้าทั้งสิ้น ดังนั้นขอสรุปว่าเปิดเป็นapproveเฉพาะภาคนั้นดีอยู่แล้วส่วนคนอื่นๆที่สนใจก็ให้เข้ามาฟัง(Visitor)เอาก็ได้ไม่ต้องลงทะเบียน และอีกเหตุผลคือ ต่างคนต่างพื้นฐานกัน ซึ่งภาคคอมก็มีพื้นไปด้านหนึ่งเลย หากเปิดรับหมด ผู้บรรยายจะต้องคำนึงถึงพื้นฐานของคนมากมาย ไม่สะดวกในการเจาะจงลงไปเพื่อสร้างความคุ้นเคยแก่ผู้ฟัง

The last "Hack your Mind" lecture

คาบนี้เป็นคาบเรียนสุดท้ายแล้ว(ของปริญญาตรี!!)

มี 2 เรื่องคือ รูปแบบการเรียนรู้ กับ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับชี่กง


  • รูปแบบการเรียนรู้แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ
  1. V(Visual) คือ คนประเภทตาดู
  2. A(Auditory) คือคนประเภทหูฟัง
  3. K(Kinestic) คือคนประเภทลงมือทำ
อ.ธงชัยมีสมมติฐานว่าคนที่เรียนวิชา "Hack Your Mind" เป็นพวก V กับ K ซึ่งข้อสมมติฐานเป็นจริงเพราะทั้งห้องเป็น V หรือ K เกือบทั้งหมดเลยโดยมีแบบทดสอบให้ลองทำ แล้วดูคะแนน คะแนนที่ผมได้คือV=10, A=2, K=8 จึงอยู่ในกลุ่ม V เพราะ V มากสุด และสังเกตได้ว่ามี A น้อยสุดด้วย

มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ดังมาก เป็นการทดลองโดยแบ่งคน 3 กลุ่ม กลุ่มแรกให้ซ้อมชู้ตบาสเป็นเวลา 6 อาทิตย์ กลุ่มที่สองให้ใช้การจินตนาการว่าตัวเองกำลังชู้ตลูกบาสลงห่วงแทน ส่วนกลุ่มสุดท้าย เป็นกลุ่มควบคุมก็คือไม่ต้องทำอะไร พอครบกำหนด ได้เวลาวัดผล ปรากฏว่ากลุ่มแรกชู้ตดีขึ้น 24% ส่วนกลุ่มที่สองชู้ตดีขึ้นถึง 20% !!! เกือบเท่ากลุ่มแรก จากการทดลองนี้ได้แสดงเห็นถึงพลังของวิธีการเรียนรู้แบบจินตภาพ(Visualization) ซึ่งหากนำทั้งฝึกจริงควบคู่กับจินตภาพ จะได้ผลที่ดีสุด ถ้าในกรณีนี้ก็จะมากกว่า 24% แน่นอน ซึ่งนักกีฬามากมายใช่เทคนิคในการฝึกฝนครับ



  • ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับชี่กง
ท่าะืพื้นฐาน
  1. เริ่มต้นจากการนวด ฝ่ามือของตัวเองเพื่อเปิดจุด
  2. หันฝ่ามือทั้ง2เข้าหากัน แล้วค่อยๆดันเข้า-ออกจากกันคล้ายๆกับกดและยืดสปริง
  3. เอามือหนึ่งไว้หน้าอกอีกมือไว้หน้าท้องแล้วหมุนวนเป็นวงกลมบน-ล่าง หลังจากนั้นก็หมุนวนอีกด้านหนึ่ง
  4. เอานิ้วมือเคาะศีรษะเบาๆให้ทั่ว เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดหัวหรือง่วงนอน
  5. เอามือทั้งสองมาวางประสานกันโดยให้กลางฝ่ามือทั้งสองอยู่ในแนวเดียวกัน แล้วเอามาวางไว้ที่ท้อง โดยผู้ชายให้มือซ้ายอยู่ด้านใน ส่วนผู้หญิงให้มือขวาอยู่ด้านใน จากนั้นให้หมุนตามเข็มนาฬิกา 36 รอบ และทวนเข็มอีก 36 รอบ



และสุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณอ.ธงชัย รวมไปถึงวิทยากรทุกท่านที่ได้ให้โอกาสได้ฟังบรรยายที่มีประโยชน์มากๆ และหาโอกาสฟังได้ยากยิ่ง

ผมจะนำเอาความรู้ต่างๆที่ได้จากวิชานี้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

คอลเกตทุ่ม 30 ล้าน ขับเคลื่อนตลาดยาสีฟันโต

คอลเกตทุ่ม 30 ล้าน ขับเคลื่อนตลาดยาสีฟันโต ชูกลยุทธ์เพิ่มความถี่แปรงฟัน 3 เวลาต่อวัน จับมือกทม.ประเดิม เปิดโครงการ “กรุงเทพฯ คนรักฟัน”

นายริคคาร์โด ริซซี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากผลการศึกษาของเอซีเนลสันพบว่า ตลาดยาสีฟันในปี 2551 มีมูลค่า 5,556 ล้านบาท เติบโตกว่าปีที่ผ่านมา 3 เปอร์เซ็นต์ โดยคอลเกตยังคงครองความเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 36% อันเป็นผลมาจากการที่บริษัทมีแคมเปญสนับสนุนต่อเนื่องตลอดปี รวมถึงการเติมโตอย่างมากของ ตลาดยาสีฟันพรีเมี่ยมในปีที่ผ่านมา

สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้บริษัทจะต่อยอดแนวคิดในการดูแลและรักษาสุขภาพช่องปาก และฟัน ด้วยแคมเปญ “แปรงฟันวันละ 3 เวลา” เพื่อกระตุ้นให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับการดูแล “ฟันแท้” ด้วยการเพิ่มความถี่ในการแปรงฟันในช่วงเวลากลางวันอีก 1 ครั้ง


ทั้งนี้ได้จับมือกับกรุงเทพมหานคร เปิดโครงการ “กรุงเทพฯ คนรักฟัน” ด้วยการทำกิจกรรมร่วมกับคลินิกทันตกรรมใน เขตกรุงเทพฯ กว่า 900 แห่งโดยการแจกตัวอย่างผลิตภัณฑ์แปรงสีฟันและยาสีฟันจำนวน 300,000 ชุด พร้อมคู่มือแผ่นพับที่ให้ความรู้เกี่ยวกับทันตศึกษา ฯลฯ

“การใช้ชีวิตประจำวันของทุกคนมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ในปากตลอดเวลา ทั้งการรับประทานอาหาร การดื่มชากาแฟ รวมถึงการกินขนมต่างๆ ทำให้น้ำลายแปรสภาพเป็นกรดจนฟันผุกร่อนได้ โดยเฉพาะฟันแท้ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญที่ต้องใช้เคี้ยวอาหารไปตลอดชีวิต ดังนั้น การแปรงฟันเพียงวันละ 2 ครั้ง คือช่วงเช้าและก่อนนอน จึงไม่เพียงพอต่อสุขอนามัยในช่องปากที่ดียิ่งขึ้นของคนไทย ซึ่งควรเน้นที่การป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตั้งแต่ต้นจะดีกว่าที่จะต้องมา แก้ไขเมื่อเกิดปัญหาแล้ว เพราะนอกจากจะต้องทรมานจากอาการปวดฟันและโรคทางช่องปากต่างๆ ที่ต้องใช้เวลาในการรักษาแล้วยังต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมากในการรักษาอีก ด้วย”

ทั้งนี้ จากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคของคอลเกต พบว่าคนไทยเพียงแค่ 21% ในกรุงเทพฯ และ14% ในเขตหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ที่แปรงฟันวันละ 3 เวลา ซึ่งถือเป็นอัตราที่ยังต่ำอยู่ อันเป็นผลมาจาก ความเข้าใจผิดในการแปรงฟันทั้ง 7 ประการอันเป็นสาเหตุทำให้สูญเสียฟันแท้ไปก่อนเวลาอันควร ได้แก่ 1) รู้สึกว่าการแปรงฟัน วันละ 2 เวลาก็เพียงพอแล้ว 2) การเคี้ยวหมากฝรั่งหรือบ้วนปากทดแทนการ แปรงฟันได้ 3) ความขี้เกียจ 4) สถานที่และเวลาไม่เอื้อต่อการแปรงฟัน 5) อายที่จะแปรงฟันในที่สาธารณะ 6) แปรงฟันแล้วกลัวว่าจะทำหน้าและเสื้อผ้าสกปรกเลอะเทอะ 7) แปรงฟันมากๆ แล้วกลัวฟันจะสึก

โดยได้จัดงบประมาณ 30 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นแคมเปญดังกล่าว โดยเผยแพร่ข้อมูลและความสำคัญของการแปรงฟันวันละ 3 เวลา ให้เข้าถึงผู้บริโภคเป้าหมายผ่านสื่อต่างๆ ได้ครบทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งรายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ เพลง Colgate brush 3 times บทความในนิตยสาร สื่อ ณ จุดขาย สื่อกลางแจ้ง เว็บไซด์ต่างๆ รวมถึง www.colgate3times.com

นอกจากนี้ ยังสร้าง widget โปรแกรม ที่ช่วยเตือนผู้บริโภคให้ดูแลสุขภาพปากและฟัน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้เข้าไปโหลดมาไว้บนคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ ช่วยเตือนให้แปรงฟันวันละ 3 เวลา ทั้งเช้า กลางวัน และก่อนนอน เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ และนักเรียนนักศึกษาอีกด้วย” นายริคคาร์โดกล่าว

credit : http://www.bangkokbiznews.com/home/news/business/marketing/2009/02/12/news_15674.php

ปีหน้า Game ไทยโตเพิ่มอีก 19%

ภาพรวมเกมในประเทศไทย อัตราการเติบโตประมาณการของอุตสาหกรรมเกมคอมพิวเตอร์ไทย ในปี 2551 ประมาณ 30% จำนวน ผู้เล่นเกมออนไลน์ปัจจุบันในเมืองไทย 6 ล้านคน จากปัจจุบันมีคนใช้อินเทอร์เน็ตประมาณ 13 ล้านคน หรือคิดเป็น 20% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ - นั่นหมายความว่ายังมีคนไทยอีกกว่า 50 ล้านคนที่ยังไม่ได้ใช้อินเทอร์เน็ตและยังไม่ได้เล่นเกม

ในปี 2553 อุตสาหกรรมเกมไทยจะมีอัตราการเติบโต 19% คิดเป็นมูลค่า 12,000 ล้านบาท และเมื่อดูอัตราการเติบโตของไทยแล้ว มีความใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมเกมโลก และคาดว่าในปี 2553 สัดส่วนรายได้และอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมเกมไทยในแต่ละประเภทจะเป็นไปใน ทิศทางที่ดี

อัตราการเติบโตของเกม เกมออนไลน์มีอัตราการเติบโตที่ 25% หรือคิดเป็นมูลค่า 5,786 ล้านบาท, เกมอาเขต มีอัตราการเติบโต 20% หรือคิดเป็นมูลค่า 3,318 ล้านบาท, เกมคอนโซล มีอัตราการเติบโต 20% หรือคิดเป็นมูลค่า 1,763 ล้านบาท, เกมแฮนด์เฮลด์ มีอัตราการเติบโต 23% หรือคิดเป็นมูลค่า 678 ล้านบาท,เกมบนมือถือโต 15% หรือคิดเป็นมูลค่า 297 ล้านบาท เกมพีซีออฟไลน์ มีอัตราการเติบโต 10% หรือคิดมูลค่า 574 ล้านบาท

สำหรับอุตสาหกรรมเกมในตลาดโลกนั้น จากการสำรวจจาก Thai Digital Content White Paper:Animation and Games 2007 พบว่า อุตสาหกรรมเกมคอมพิวเตอร์ สามารถทำรายได้เป็น อันดับ 1 ของอุตสาหกรรมบันเทิง ใหญ่กว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และเพลงรวมกัน


credit: http://www.bangkokbiznews.com/2008/12/25/news_323575.php

ศึกชนช้างฮาร์ดดิสก์ 2 เทอราไบต์ WD vs Seagate



ใครจะคิดว่าแค่ปี 2009 ผู้ใช้อย่างเราๆ จะได้ใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2 เทอราไบต์ในเครื่อง

ส่งท้ายปลายปี 2008 ซีเกทออกหมัดเด็ด ปล่อยฮาร์ดดิสก์ขนาด 1.5 เทอร์ราไบต์ ออกมาเป็นเจ้าแรก ซึ่งก็รอๆ กันอยู่ว่า Western Digital หรือ WD จะปล่อยฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุมากกว่า 1 เทอราไบต์ เมื่อไหร่ แต่ปีใหม่มาได้ไม่กี่วัน ซีเกทออกข่าวฮาร์ดดิสกรุ่น Barracuda 7200.12 ที่การปรับปรุง Perpendicular Recording ใหม่ ทำให้ใน 1 pallete (จาน) สามารถจุได้ถึง 500 กิกะไบต์ ความหนาแน่นเชิงพื้นที่ระดับ 329 กิกะไบต์/ตารางนิ้ว ทำให้ฮาร์ดดิสก์ขนาดหนึ่ง 1 เทอราไบต์ (รหัส ST31000523AS) ใช้เพียงแค่ 2 palette ทำให้มีอัตราการส่งข้อมูลได้สูงถึง 160-MB/s (maximum sustained data rate) และใช้กำลังไฟน้อยลง ซึ่ง ณ วันนี้ฮาร์ดดิสก์ 1 ตัวสามารถใส่ได้ 4 palette ดังนั้นคาดว่าคงจะได้เห็นฮาร์ดดิสก์ขนาด 2 เทอราไบต์ได้ในปีนี้

แต่พอยังไม่ทันจะข้ามเดือนมกราคม WD ประกาศขายฮาร์ดดิสก์สำหรับผู้ใช้ทั่วไปรุ่น Green รุ่นใหม่ขนาด 2 เทอราไบต์ (WD20EADS) ซึ่งการปรับปรุงที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ การเพิ่มแคชจากเดิม 16 เมกะไบต์มาเป็น 32 เมกไบต์ และเปลี่ยนมาใช้ Perpendicular Recording ใหม่ ทำให้ใน 1 pallete (จาน) สามารถจุได้ถึง 500 กิกะไบต์ เช่นเดียวกัน แต่จะมีความหนาแน่นเชิงพื้นที่ระดับ 400 กิกะไบต์/ตารางนิ้ว (มากกว่าของซีเกท) ทำให้ ณ วันนี้ WD กลายเป็นผู้ผลิตกลับมาทวงบัลลังก์ผู้นำความจุฮาร์ดดิสก์ได้อีกครั้ง พร้อมกันในรุ่นใหม่นี้ยังทางเลือกความจุขนาด 1.5 และ 1.0 เทอราไบต์ อีกด้วย

มีหรือซีเกทจะนิ่งเฉย หนึ่งอาทิตย์ถัดมาต้นเดือนกุมภา ซีเกทประกาศเปิดตัวฮาร์ดดิสก์รุ่นใหม่ขนาด 3.5 นิ้ว สำหรับในตลาดเอ็นเทอร์ไพรซ์ขนาด 2 เทอราไบต์ ในรุ่น Constellation ES พร้อมด้วยเทคโนโลยี PowerChoice ที่สามารถลดกำลังไฟได้ถึง 54 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทางซีเกทบอกว่าเป็นฮาร์ดดิสก์ขนาดความจุ 3.5 นิ้วสำหรับเอ็นเทอร์ไพรซ์เพียงตัวเดียวในท้องตลาดด้วย แต่ถ้าอยากได้ความจุน้อยลงหน่อย ทางซีเกทก็จะมีขนาด 500 กิกไบต์ และ 1 เทอราไบต์ให้ด้วย แต่อย่างไรก็ตามซีเกทไม่ได้บอกว่าจะจะมีวางจำหน่วยเมื่อไหร่

อย่างไรก็ตามการจะเปรียนเทียบว่าเทคโนโลยีของใครจะดีกว่านั้น คงต้องรอให้ทั้งคู่ ออกฮาร์ดดิสก์ที่อยู่ในระดับเดียวกันออกมาก่อนถึงจะบอกได้ เมื่อถึงเวลานั้นคงได้มีข้อมูลเปรียบมวยเรื่องนี้อีกที ศึกครั้งนี้แค่คงแค่ยกแรกเท่านั้น


credit : http://www.arip.co.th/2006/news.php?ofsm=2&ofsy=2009&id=408579

การฝึกจิต เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน

วิทยากร : ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

คนเรา ต้องรู็จักตัวเอง เพื่อให้รู้ 1.ทิศทางและเป้าหมายของชีวิต 2.ศักยภาพของตนเอง

ฝึกสมาธิ โดยใช้การกำหนดแสงสว่าง จากด้านหน้า เข้ามาที่หน้าผาก แล้วเลื่อนแสงไปที่ใจ มือสองข้าง เท้าสองข้าง ปาก หู ตา หัวใจ ต่อมาก็แผ่คลุมห้อง แผ่ถึงพ่อแม่ ถึงครูบาอาจารย์ และแผ่ไปทั่วโลก ทั่วจักรวาล ตามลำดับ โดยให้รู้สึกว่าเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับแสงสว่าง

ลิงเมื่อเห็นขนมในหม้อดินปากแคบๆ ก็เอามือลงไปล้วง แล้วหยิบขนมขึ้นมาเต็มมือ ทำให้ไม่สามารถดึงมือออกจากปากหม้อดินได้ จะวิ่งหนีก็ไม่ถนัด จะปีนต้นไม้ก็ไม่ได้ ทำให้ถูกจับในที่สุด
- ต้องรู้จักปล่อย
อุปสรรคในชีวิต อย่าไปถือมันไว้

มียายคนหนึ่ง ก้มๆเงยๆหาของอยู่แถวๆเสาไฟฟ้า หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งเดินผ่านมา ช่วยยายหาของ ซึ่งคือเข็มเย็บผ้า หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เลยถามยายว่า ยายทำหายที่ตรงไหน ยายจึงตอบว่า ทำหล่นหายในห้องที่บ้าน แต่ที่นั่นมันมืด เลยมาหาใต้เสาไฟฟ้า เพราะสว่างกว่า
-เวลาที่
ความสงบสุขหายไปจากจิตใจ ต้องหาคืนที่จิตใจ ไม่ใช่ไปหาตามที่ท่องเที่ยวหรือผับบาร์อื่นๆ

มีฤๅษีตนหนึ่ง มาแนะนำเศรษฐีที่เป็นโรคปวดหัวว่า ให้มองสีเขียว เศรษฐีจึงทาทั้งหมู่บ้านเป็นสีเขียว และให้ชาวบ้านทุกคนใส่เสื้อผ้าสีเขียว เมื่อฤๅษีกลับมาอีกครั้ง จึงต่อว่าเศรษฐีว่า ทำไมไม่ใส่แว่นสีเขียว จะได้มองทุกอย่างเป็นสีเขียวเอง
-
ให้เปลี่ยนแปลงที่ตัวเองก่อน อย่าไปพยายามเปลี่ยนโลกภายนอก

เราไม่ใช่ร่างกายของเรา หากแต่เป็นแค่เจ้าของร่างกายเท่านั้น เมื่อเราตาย เราก็ไม่ได้สูญสลายไปไหน ร่างกายต่างหากที่สูญไป การอยู่อย่างมีความสุขจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ พยายามตัดคำว่าต้องการ ออกไปจากสมองของเรา เพราะความต้องการนี้เองทำให้จิตของเราเป็นทุกข์ ให้พยายามปล่อยวางทุกอย่าง อย่าไปยึดมั่นกับอะไร

You are what you think! ระวังความคิดของตน พยายามคิดในแง่บวก คิดในแง่ดีไว้เสมอๆ เพราะจิตเป็นนายของร่างกาย ถ้าจิตคิดอย่างไร กายก็เป็นอย่างนั้น

ในท้ายนี้ ขอขอบคุณ ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา และอ.ธงชัย ที่สรรหาเรื่องราวดีๆมีสาระมีนำเสนออีกครั้ง ขอบคุณครับ

Emotional Excellence

วิทยากร : คุณวรธนัท ธัญญหาญ

IQ=(อายุความคิด/อายุจริง)*100
EQ=ความฉลาดทางอารมณ์ระดับใจ = การรู้จักตนเอง + การสัมพันธ์กับผู้อื่น
EE=ความฉลาดทางอารมณ์ระดับจิต ใช้ LPI (Leonard Personality Inventory) Holistic Model เพื่อช่วยในการพัฒนา EE

ลักษณะของ LPI เป็นดังนี้

โดยใส่เลข 1 - 5 ในแต่ละข้อ เลข 5 หมายถึงเหมือนเรามากที่สุดเลข 1 หมายถึงไม่เหมือนเรามากที่สุด

a) ….. ช่างจินตนาการ ….. ใจเย็น ….. ระมัดระวัง ….. มนุษยสัมพันธ์ดี ….. รวดเร็ว
b) ….. อยากรู้อยากเห็น ….. อ่อนโยน ….. รอบคอบ ….. แจ่มใส ….. เด็ดขาด
c) ….. ชอบสิ่งใหม่ๆ ….. เป็นผู้ฟังที่ดี ….. แม่นยำ ….. มองโลกในแง่ดี ….. เน้นผลงาน
d) ….. มีความคิดสร้างสรรค์ ….. เรียบง่าย ….. ทุ่มเทกับงาน ….. ตามผู้อื่น ….. มั่นใจ
e) ….. เป็นเจ้าความคิด ….. อดทน ….. จริงจัง ….. อบอุ่น ….. ชอบความท้าทาย

แล้วจึงรวมคะแนนในแต่ละคอลัมน์ เพื่อแสดงว่าเป็นคนประเภทไหน ตามลำดับดังนี้

ประเภท

ชอบ

ไม่ชอบ

ได้แรงบันดาลใจจาก

1. Openness

- ความคิดสร้างสรรค์
- สถานการณ์ที่แปลกใหม่
- สิ่งที่ซ้ำซากจำเจ - จินตนาการ
- ความแปลกใหม่

2.Neutral

- ความมั่นคง สม่ำเสมอ
- บทบาทหน้าที่ที่ชัดเจน
- การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นไปตามแผน -การยอมรับ
- ความภักดี
- ความมั่นคง

3.Analytical

- ความถูกต้อง แม่นยำ
- มาตรฐานที่สูง
- ความเสี่ยง - ความแม่นยำ
- มาตรฐานในใจ

4.Relational

- สนุกสนาน
- การพบปะผู้คน
- โอกาสในการสร้างแรงบันดาลใจ
- หน้าที่ซ้ำๆซากๆ - การยอมรับจากผู้คน
- ความสนุกสนาน

5.Decisive

- อิสระ
- ความท้าทายและการแข่งขัน
- เป็นผู้นำ
- ไม่ได้เป็นที่หนึ่ง - ความท้าทาย เป้าหมายความสำเร็จ

จากนั้นจึงนำคะแนนที่ได้มาวาดกราฟ
แล้วสังเกตว่าความสูงหรือคะแนนของcolumnใดเกิน 16 แสดงว่าคุณเป็นคนประเภทนั้น
ผมได้ Neutral กับ Analytical = Error Buster
ส่วนทำให้เพื่อนได้เป็น Analytical กับ Decisive

ท้ายนี้ ขอขอบคุณ อ.วรธนัท ธัญญหาญ และ อ.ธงชัย ที่ได้มอบความรู้ดีๆมีประโยชน์ครับ

วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Presentation!?

Hack Your Presentation : by อ. ธงชัย โรจน์กังสดาล

Slide Improvement
  1. Simplicity ใน slide ไม่ควรยัดเนื้อหาเยอะเกินไป
  2. Differentiation ต้องดูว่านำเสนอใคร เพราะแต่ละกลุ่มมีพื้นฐานและความสนใจต่างกัน
  3. Signal-to-Noise Ratio เอาสิ่งที่รบกวนออกไป เน้นสิ่งที่ต้องการสื่อก็พอ ตัวอย่าง Noise : Logo, Background, Progress Bar
  4. การปรับสเกล ให้เปลี่ยน baseline ในกราฟเพื่อให้เห็นข้อแตกต่างชัดเจนขึ้น
  5. การใช้สัญลักษณ์ หลีกเลี่ยงการใช้สัญลักษณ์แบบเดิมๆ หาสัญลักษณ์ใหม่ที่สื่อความหมายเหมือนกันมาแทน
  6. ใช้ภาพเล่าเรื่อง แทนข้อความมากมาย


Made to Stick
  1. Simple
  2. Unexpected
  3. Concrete
  4. Credible
  5. Emotion
  6. Story พยายามให้มีเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ฟังหรือเรื่องราวที่ผู้ฟังสนใจ
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
  1. ภาพที่น่ากลัว
  2. template
  3. clip art
  4. ภาพซ้ำซากที่ใช้กันเยอะ เช่น ปาเป้า หมากรุก จับมือ
_______________________________________________________________

การขาย + mind map presentation by : คุณดำเกิง ไรวา

mind map presentation มีข้อได้เปรียบกว่า slide presentation คือ จะแสดงให้เห็นโครงสร้างชัดเจน ผู้ฟังสามารถเชื่อมโยงเรื่องราวการนำเสนอได้ง่าย แต่มีข้อจำกัดคือ รูปที่ใช้จะมีขนาดเล็ก คาดว่าในอนาคต จะมีซอฟ์ตแวร์ที่ขยายรูปภาพใน mind map ได้ชัดเจน

การขาย มี 3 แบบ
  1. System มีการวางระบบชัดเจน มีแบบแผนที่ต้องปฎิบัติตาม
  2. Relationship ใช้ทักษะด้านสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า เช่น ร้องคาราโอเกะ ตีกอล์ฟ
  3. Tactical ใช้เทคนิคหลอกล่อ จะใช้ได้ผลในระยะสั้น
ในการตัดสินใจซื้อของคนมักใช้ Emotion > Logic โดยเฉพาะเวลาสนองตัณหา(ต้องการrelax หรือ shopping)


ขอขอบคุณอาจารย์ธงชัย และคุณดำเกิง ที่ได้มาถ้ายทอดความรู้ดีๆมีประโยชน์ และเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย
ขอบคุณครับ

การบ้าน Hack Your Mind เรื่องแบบทดสอบความจำ


รอบแรก รอบสอง

รอบสอง


  1. เท่าเดิม เพราะจำไม่ได้เลย เลยตอบว่าไม่มีไรเปลี่ยนทั้งสามภาพ -*-
  2. เท่าเดิม โดยโจทย์ที่ได้เป็นจำรูปทั้งสองรอบ จำตรงๆไม่ได้ใช้เทคนิคอะไร
  3. เท่าเดิม จำตรงๆ แต่พอเริ่มยาวๆ ก็แบ่งเป็นชุดๆ และจำเป็นเส้นทางในการกดบน Num Pad
  4. เพิ่มขึ้น พยายามจำเป็นรูปร่างและใช้ตัวเลขกำกับ
  5. มากขึ้น เพราะรู้เฉลยจากครั้งที่แล้ว
  6. เท่าเดิม เพราะจำเฉลยคราวที่แล้วไม่ได้ -*-
  7. เพิ่มขึ้น เพราะใช้วิธีจำแบบ index โดยใช้ ต้นไม้ นก ปีระมิด รถ ปลาดาว ปืน
  8. เพิ่มขึ้น โดยสร้างรูปที่เป็นไปได้ในหัวก่อนแล้วดูว่าตรงกับรูปไหน
  9. -
  10. -

วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552

เผยแผนสร้าง PSP-2 ภาคต่อของยอดเครื่องเล่น สู่อนาคตที่สมบูรณ์ยิ่งกว่า

สำหรับเจ้าเครื่องเล่นที่ชื่อ PSP หรือชื่อเต็ม PlayStation Portable สำหรับในประเทศไทยคงเป็นอะไรที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะจัดเป็นเทคโลโนยีชิ้นใหม่ที่น่าสนใจและได้รับความนิยมในกลุ่มเกมเมอร์ อย่างมาก ด้วยขนาดที่เล็กและพกพาไปไหนมาได้สบาย แถมยังมีความสามารถอื่นๆ ติดมาด้วยอีกมาก ทำให้หลายคนเลือกที่จะซื้อ PSP แทนโทรศัพท์มือถือไปแล้ว


แต่ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย ในประเทศอื่นเจ้าเครื่องเล่นนี้ก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน ถึงแม้ว่าในโซนญี่ปุ่นเครื่อง DS จะดูบูมมากกว่าก็ตาม ซึ่งจากเวอร์ชั่นแรกที่เราได้สัมผัสกันไปแล้วนั้น ตอนนี้ทาง Sony ได้ออกมาเปิดเผยถึงแผนการพัฒนา PSP-2 และออกแบบสำรวจถึงสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการให้เครื่อง PSP-2 ของเขามีอยู่ โดยในครั้งนี้เราก็ได้ตามไปเก็บรายละเอียดบางส่วนที่น่าสนใจมารายงานให้ได้ ทราบกัน

• Touch Screen
เป็นระบบที่มีโอกาสจะเพิ่มเข้ามาใน PSP-2 สูงมาก ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีสมัยนี้ส่วนใหญ่ที่เป็นพวกพกพาจะเริ่มเปลี่ยน มาใช้ระบบ Touch Screen กันหมดแล้ว ที่เห็นชัดๆ เลยก็คือ Iphone ที่สามารถใช้ระบบ Touch Screen เล่นเกมได้อย่างน่าสนใจและโดดเด่นกว่าเครื่องเล่นหลายๆ เครื่อง ซึ่งทำให้ทาง PSP-2 ไม่เพิ่มเติมระบบนี้เขามา ก็อาจเป็นการยากที่จะดึงใจเกมเมอร์เอาไว้




• เพิ่มความสามารถในการใช้งานให้หลากหลาย
เพื่อ รองรับเครื่องเล่น PS3 ได้มีการวางแผนออกสำรวจว่าอาจจะทำให้เครื่อง PSP สามารถรับส่งไฟล์จากเครื่อง PS3 ได้ง่ายขึ้น และยังมีการเสนอให้สามารถดาวน์โหลด E-Book หรือComic ต่างๆ รวมไปถึงการเปิดให้ดาวน์โหลดเพลงจาก PlayStation Network ได้ พัฒนาระบบให้ XMB เหมือนกับเครื่อง PS3 ซึ่งจะช่วยให้ แชท เปิดเพลง เข้าเว็บ ได้พร้อมๆ กับการเล่นเกม




• เพิ่มความง่ายในการใช้งานอินเตอร์เน็ต
เป็นส่วนที่ดูเหมือนผู้ใช้งานหลายคนจะต้องการมาก เพราะบางคนไม่ได้ซื้อ PSP ไปใช้เพื่อเล่นเกมอย่างเดียว แต่ยังต้องการเอามันไปใช้งานอินเตอร์เน็ต ด้วยความโดดเด่นที่มันสามารถเชื่อมต่อ Wireless แต่เพิ่มความน่าสนใจ จึงมีการเสนอให้ควรเพิ่มระบบ BlueTooth เข้าไปเพื่อให้การรับส่งและใช้งานร่วมกันในกลุ่มง่ายยิ่งขึ้น และนอกจากนี้ต้องการให้เพิ่มเติม Keyboard หรือปุ่มกดใช้งานที่รองรับการใช้ อินเตอร์เน็ตมากขึ้น เพิ่มศักยภาพในการดาวน์โหลดเกมและไฟล์ของตัวเครื่องให้มากขึ้น






• ขนาดของตัวเครื่อง รูปแบบของเครื่อง
เพื่อความเป็นเครื่องเล่นพกพา ทำให้มีการเสนอให้ลดขนาดของตัวเครื่องลง และยังต้องการให้มีขนาดของจอภาพเท่าเดิมหรือทำให้ใหญ่มากขึ้น เพื่อความบันเทิงในการใช้งาน ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม เล่นอินเตอร์เน็ต และมีการเสนอให้รองรับ Hard Drive สำหรับเก็บข้อมูลแทน และถ้ารักษาขนาดของจอเครื่องเอาไว้ได้จริง ก็ควรจะทำให้มันรับส่งสัญญาณ TV ได้ด้วย จุดสำคัญก็เกมเมอร์ต้องการแน่นอนก็คือการเพิ่มความละเอียดและระดับการแสดง ภาพบนเครื่องให้ดียิ่งขึ้น (ถ้ารองรับ Unreal3 ได้ก็เทพเลยเนอะ)




นอกจากนี้ยังได้มีการเสนอให้ออกแบบสีของเครื่องให้มีความหลากหลายมากขึ้นนอก จากสีพื้นๆ อย่าง ดำ ซึ่งตอนนี้ก็ได้มีการทำออกมาใน PSP เวอร์ชั่นปัจจุยันและเตรียมจะวางขายแล้ว



ส่วนเรื่องของการนำ PSP เข้าไปร่วมกับ Sony Ericsson เพื่อให้มันใช้งานโทรศัพท์ ก็ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าเราจะได้เห็นมันจริงๆ เพราะสำหรับคนที่ต้องการใช้มันเพื่อเล่นเกมจริงๆ อาจจะไม่ต้องการให้ PSP ของเขามีขนาดเล็กลง และภาพที่แสดงบนจอโทรศัพท์อาจจะไม่ละเอียดจนดีพอจะใช้เล่นเกมได้สนุกจริงๆ และหากจะทำให้ PSP-2 โทรศัพท์ได้แทน ก็มีโอกาสจะทำให้ยอดขายของกันและกันลดลงไป ซึ่งในช่วงนี้เราก็ต้องต้องติดตามรายละเอียดที่แน่ชัดกันต่อไป




by. Lamperouge : แล้วคุณละครับ PSP ของคุณควรจะเป็นแบบไหน สำหรับผมขอแค่ "ถูก" ก็พอ ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น !!

- ทิ้งท้ายด้วยรูปเครื่อง PSP ที่บรรดาแฟนๆ ออกแบบมาให้ชมกัน-








ไอบีเอ็มเผย 3 กลยุทธ์สู่ความสำเร็จในสภาพเศรษฐกิจแบบใหม่

ไอบีเอ็มเผย 3 กลยุทธ์สู่ความสำเร็จในสภาพเศรษฐกิจแบบใหม่

แนะธุรกิจไทย ฝ่าอุปสรรคด้วยการ สร้างคุณค่า หาโอกาส สตาร์ททันที

ไอบีเอ็มเผยกลยุทธ์สู่ความสำเร็จ 3 ประการ สร้างคุณค่า หาโอกาส สตาร์ททันที ซึ่งจะช่วยให้องค์กรธุรกิจของไทยสามารถฟันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจและประสบความสำเร็จในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป

สืบ เนื่องจากวิกฤตการณ์ในภาคธุรกิจการเงิน ส่งผลให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยเมื่อปีที่แล้ว และส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงภาวะเศรษฐกิจในทุกประเทศทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ บริษัทส่วนใหญ่จึงต้องเผชิญกับข้อจำกัดมากมายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในการ เข้าถึงสินเชื่อและแหล่งเงินทุน และในขณะเดียวกันยังต้องรับมือกับความต้องการที่ลดลง และการให้ความสำคัญกับเรื่องของระดับราคามากขึ้นอันเนื่องมาจากกำลังซื้อที่ ลดลงทั้งในส่วนของผู้ บริโภคและองค์กรธุรกิจ ใน สภาพแวดล้อมแบบใหม่นี้ มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการหยุดชะงักในระบบ supply chain รวมถึงการติดต่อประสานงานกับคู่ค้าและลูกค้า ปัจจุบันบริษัทอาจประสบความล้มเหลวหรือประกาศขายกิจการเพียงชั่วข้ามคืน และด้วยเหตุนี้ ธุรกิจต่างๆ จึงต้องเร่งมือปรับโครงสร้างเป็นการใหญ่

กลยุทธ์สู่ความสำเร็จ 3 ประการ

การมุ่งเน้นคุณค่าทางธุรกิจ (Focus on Value): การ เก็บรักษาเงินทุนและลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่แทบจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ แล้วจัดสรรเงินทุนดังกล่าวให้กับกิจกรรม ผลิตภัณฑ์ ตลาดที่ช่วยเพิ่มรายได้ ปรับปรุงผลกำไร และสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ ทั้งนี้เพราะกระแสเงินสดถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการอยู่รอด และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินกลยุทธ์ องค์กรต่างๆอาจปรับใช้กลยุทธ์นี้ด้วยการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ใช้ทรัพยากรน้อยลง โดยมุ่งเน้นเฉพาะงานหลักๆ และใช้ประโยชน์จากความร่วมมือทางธุรกิจ เพื่อให้บริหารจัดการความเสี่ยงและความผันผวนได้อย่างเข้มงวด

การแสวงหาโอกาสใหม่ๆ(Exploit Opportunities): ความรุนแรงของวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้จะก่อให้เกิดโอกาสในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดและเสริมสร้างขีดความสามารถหลักๆ องค์กร ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลจะสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยอาศัยกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การขยายส่วนแบ่งตลาด การสร้างทักษะความสามารถสำหรับอนาคต และการปฏิรูปอุตสาหกรรม

การดำเนินการอย่างฉับไว (Act with Speed): ใน สภาพแวดล้อมแบบใหม่นี้ จำเป็นที่จะต้องมีการดำเนินการที่รวดเร็วและคล่องตัว ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการขจัดระบบงานที่เชื่องช้าและอุปสรรคที่ขัด ขวางการปฏิรูปองค์กร ด้วย เหตุนี้ องค์กรต่างๆ จึงต้องกำหนดวิสัยทัศน์สำหรับอนาคต ลงมือดำเนินการอย่างฉับไวและยืดหยุ่น และจัดตั้งระบบบริหารความเสี่ยงโดยอาศัยการผนวกรวมข้อมูลธุรกิจ


เกือบศตวรรษ ไอบีเอ็มได้ประยุกต์ใช้ 3 กลยุทธ์ ข้างต้นในการดำเนินธุรกิจ สร้างความแตกต่าง และยืนหยัดความเป็นผู้นำธุรกิจไอทีจนปัจจุบัน ไอบีเอ็มเล็งเห็นประโยชน์จากการประยุกต์ใช้ทั้ง 3 กลยุทธ์สำหรับธุรกิจไทย นอก จากนี้ ท่ามกลางความท้าทายทางธุรกิจในปัจจุบัน ไอบีเอ็มยังมีความมุ่งมั่นที่จะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์ และบริการที่ครบวงจรของไอบีเอ็ม รวมถึงบุคลากรที่เปี่ยมด้วยความเชี่ยวชาญ สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อให้องค์กรธุรกิจของไทยสามารถเติบโตได้อย่างต่อ เนื่องและประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน

credit : http://www.marketeer.co.th/marketeertoday_detail.php?marketeertoday_id=822

ARP Spoofing & ARP Poisoning

ARP Spoofing และ ARP Poisoning เป็นการโจมตีเครือข่ายรูปแบบหนึ่ง โดยการส่ง MAC Address ปลอมไปให้เครื่องต่างๆ ในระบบเครือข่าย ผมขอเรียกมันว่าอุปกรณ์ในเครือข่ายดีกว่า เพราะว่ามันสามารถที่จะหลอกอุปกรณ์ทุกชนิดในระบบเครือข่าย โดย MAC Address ที่ส่งไปนั้น จะทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ติดต่อไปยัง MAC Address ปลอมที่ส่งมา ส่งผลให้อุปกรณ์นั้น ไม่สามารถใช้งานระบบเครือข่ายได้

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับโปรโตคอล ARP กันก่อนนะครับ
ARP ย่อมาจาก Address Resolution Protocol การทำงานง่ายๆ ของ ARP มี 2 ขั้นตอน คือ

  1. เครื่องที่ต้องการสอบถาม MAC Address โดยการส่ง ARP Request ซึ่งประกอบด้วย MAC Address และ IP Address ของตนเอง และ IP Address ของเครื่องที่ต้องการทราบ MAC Address ส่วน MAC Address ปลายทางนั้น จะถูกกำหนดเป็น FF:FF:FF:FF:FF:FF ซึ่งเป็น Broardcast Address เพื่อให้ ARP Request ถูกส่งไปยังเครื่องทุกเครื่องที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน
  2. เครื่องที่มี IP Address ตรงกับที่ระบุใน ARP Request จะตอบกลับมาด้วย ARP Reply ซึ่งประกอบด้วย MAC Address และ IP Address ของตนเองเป็นผู้ส่ง และใส่ MAC Address และ IP Address ของเครื่องที่ส่งมาเป็นผู้รับ ARP Reply

สำหรับการโจมตีนั้น เครื่องที่โจมตีจะส่ง ARP Request โดยระบุ MAC Address ของ Gateway ที่ผิดๆ ไป ทำให้เครื่องที่ถูกโจมตีรับ MAC Address ไปอัพเดต ARP Table และยังส่ง MAC Address ปลอมไปยัง Gateway ด้วย ทำให้ Gateway อัพเดต ARP Table ที่ผิดเช่นกัน ส่งผลให้การ Broadcast ไปยังเครื่องต่างๆ ไม่ถูกต้อง ทำให้เครื่อง Client นั้นๆ ไม่สามารถใช้งานระบบเครือข่ายได้ในที่สุด โดยการโจมตีนั้นเครื่องที่โจมตีจะส่ง ARP Reqest เป็นจำนวนมาก

วิธีแก้ไข

วิธีแก้ไขเบื้องต้น ก็คือ กำหนด Static MAC Address ของ Gateway ครับ โดยเราจะต้องทราบ MAC Address ของ Gateway ก่อน จากนั้น เปิด command prompt แล้วพิมพ์ว่า

arp -s [IP Address] [MAC Address]

เช่น

arp -s 192.168.1.1 00-AA-00-62-C6-09

แต่จากการทดลองของผมนะครับ มันไม่สามารถใช้ได้จริง เพราะว่า Static MAC Address นั้น จะตั้งได้เฉพาะเครื่องของเรา แต่เนื่องจาก ARP Spoofing จะโจมตี Gateway ด้วย จึงทำให้ Gateway ได้รับ MAC Address ปลอม และส่งข้อมูลไปยัง MAC Address ปลอมแทนครับ

มาตรา​ 10 ​ผู้​ใด​กระทำ​ด้วย​ประการ​ใด​โดย​มิชอบ​ ​เพื่อ​ให้​การทำ​การของระบบคอมพิวเตอร์ของ​ผู้​อื่น​ถูกระงับ​ ​ชะลอ​ ​ขัดขวาง​ ​หรือ​ ​รบกวนจน​ไม่​สามารถ​ทำ​งานตามปกติ​ได้​ต้อง​ระวางโทษจำ​คุก​ ​ไม่​เกินห้าปี​ ​หรือ​ปรับ​ไม่​เกินหนึ่งแสนบาท​ ​หรือ​ ​ทั้ง​จำ​ทั้ง​ปรับ​

credit : http://www.walanchai.info/2008/arp-spoofing-arp-poisoning/

Millionaire Mind

วิทยากร : คุณขวัญนภา ชูแสง

ความสามารถที่เราใช้อยู่ทั่วไป (จิตสำนัก) ใช้แค่ 7%
ส่วนอีก 93% เป็นศักยภาพที่เราซ่อนไว้อยู่ภายใน (จิตใต้สำนึก)
การที่เราจะประสบความสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องดึงศักยภาพที่เหลืออีก 93% ออกมาใช้งานให้ได้
เพราะศักยภาพในส่วนนั้น มีพลังมากมายมหาศาลที่แอบซ่อนอยู่ โดยที่เราไม่รู้ตัว

หากเราอยากเป็นเศรษฐี ให้ลองคิดแบบเศรษฐี
พยายามฝึกคิด ฝึกนิสัย หลักการดำเนินชีวิตอย่างเศรษฐี แล้วคุณจะเป็นเศรษฐีเข้าสักวัน
จงอย่ารับแต่อย่างเดียว จงอย่าลืมที่จะให้ด้วย

คล็ดลับเกี่ยวกับการจัดการรายได้ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการที่จะประสบความสำเร็จสู่การเป็นเศรษฐี
ด้วยวิธี "กล่อง 6 ใบ"
กล่องใบที่ 1: Play 10% การหาความสุขให้ตนเอง
กล่องใบที่ 2: Education 10% การเพิ่มเติมความรู้ เข้าอบรม สัมนา
กล่องใบที่ 3: Long-term Success Saving 10% สำหรับการวางแผนระยะยาวเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น บ้าน รถ
กล่องใบที่ 4: Financial Free Account 10% สำหรับการลงทุน
กล่องใบที่ 5 : Donate 5% นำไปบริจาค การให้ การแบ่งปัน
กล่องใบที่ 6 : Daily Expense 55% เงินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ถ้าเหลือก็แบ่งให้กล่องข้างต้น
ข้อแนะนำ : ให้เราค่อยๆบริหารเงินเพียงแต่น้อยก่อน
และอาจต้องอาศัยระยะเวลาในการทำ แล้วเราลองมาดูผลกัน

การออกเสียงภาษาอังกฤษ
เทคนิค : ให้ลองออกเสียงเป็นคำอ่านภาษาไทยก่อน แล้วอ่านตาม
จังหวะแรกลากเสียงสระ
จังหวะสุดท้ายหยุดที่ตัวสะกด
และสำหรับคำหนึ่งคำ ก็จะมีความหมายต่างกันได้ ถ้าเราใส่อารมณ์ในการพูดด้วยเสียงและอารมณ์ที่ต่างกัน

สุดท้ายต้องขอขอบคุณ
คุณขวัญนภา ที่สละเวลามาบรรยายเนื้อหาดีๆในครั้งนี้
อาจารย์ธงชัย ที่เชิญท่านวิทยากรมาร่วมแบ่งปันความรู้ให้กับพวกเราอยู่เสมอ

ปล. คาบนี้ผมไม่ได้เข้าเนื่องจากไปเข้าร่วม"ประชุมชี้แจงกระบวนการทำงานของระบบทะเบียนกิจกรรมนิสิตในระยะที่ 2" จึงอาศัย blog ของเพื่อนๆ ในการศึกษาเนื้อหาที่ขาดไป และนำไปปฏิบัติแน่นอนครับ

วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2552

ของเล่นชิ้นใหม่ของ Razer เอาใจคอเกมส์กระเป๋าหนัก[มาก]



Razer Mamba เป็นเมาส์ hybrid สามารถสลับการใช้งานระหว่าง Wired หรือ Wireless ได้ และอัตรา DPI ที่สูงถึง 5600DPI ด้วยเทคโนโลยี 3.5G Laser sensor (ตัวที่แรงที่สุดในตลาดตอนนี้คือ Lachesis 4000DPI 3G Laser sensor)

ใครอยากเป็นเจ้าของเก็บตังค์รอเลยครับ สนนราคาที่ 129.99USD หรือที่ประมาณ 4000+ บาทไทย

การเมืองกระทบงบไอที

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประมวลสถานการณ์ ทั้งเศรษฐกิจที่เผชิญแรงเหวี่ยงจากวิกฤติการเงิน ตลอดจนความวุ่นวายทางการเมืองตลอดปีที่บั่นทอนความเชื่อมั่นทาง เศรษฐกิจ โดยเฉพาะจากเหตุการณ์ปิดสนามบินช่วงปลายปี ว่าจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อเนื่องสำหรับตลาดไอทีปี 2552

กรุงเทพ ธุรกิจ ออนไลน์ : ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้อ้างถึงตัวเลขคาดการณ์จากบริษัทวิจัยตลาด ไอดีซี ว่ามูลค่าการใช้จ่ายด้านไอทีทั่วโลกปีหน้า จะขยายตัวเพียง 2.6% หรือปรับลดลงจากที่เคยว่าจะขยายตัวประมาณ 5.9% ขณะที่ ประเทศไทย ก็คาดว่าจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงเช่นกัน
ก่อน หน้าที่จะเกิดเหตุการณ์การปิดท่าอากาศยานและการยุบพรรค ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในกรณีพื้นฐานเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวประมาณ 3.5% ส่วนในกรณีเลวร้ายที่ การส่งออกและการลงทุนภายในประเทศหดตัว จะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวประมาณ 2.5% ชะลอตัวลงจากปี 2551 ที่คาดว่าจะขยายตัว 4.8% ทำให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจอาจชะลอการใช้จ่ายด้านไอทีตามไปด้วย


โดย เฉพาะธุรกิจที่เน้นตลาดต่างประเทศ อาจต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สถาบันการเงินที่อาจชะลอการลงทุนด้านไอที เพื่อพยุงสถานะทางการเงินให้มีความมั่นคงมากขึ้นท่ามกลางปัจจัย เสี่ยงที่รุม เร้าอยู่มากมาย ดังนั้น ส่วนใหญ่จะปรับลดงบประมาณด้านไอทีลง เลือกลงทุนด้านไอทีที่มีความจำเป็นก่อนเท่านั้น


อีก ทั้งหลังเหตุการณ์การปิดท่าอากาศยานและการยุบพรรค สะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะเสถียรภาพของรัฐบาล ทำให้แผนการ ลงทุนด้านไอทีของภาครัฐและโครงการเมกะโปรเจค มีความเสี่ยงที่อาจไม่เกิดขึ้นตาม แผนการที่วางไว้ แม้ตลาดไอทีอาจมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนในอุตสาหกรรม & nbsp; โทรคมนาคม ที่คาดว่าจะมีการลงทุนเพื่อเปิดให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3จี และไวแม็กซ์


ตลาดไอทีเติบโตลดลง 50%


ศูนย์ วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในกรณีพื้นฐานตลาดไอทีปี 2552 จะมีมูลค่าประมาณ 163,000-169,000 ล้านบาท ขยายตัว 3-5% ชะลอตัวจากปี 2551 ที่มีมูลค่าประมาณ 158,000-161,000 ล้านบาท ขยายตัว 8-10% และต่ำกว่าอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังซึ่งอยู่ที่ประมาณ 15%


ทั้ง นี้ ตลาดคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ มีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องจากปี 2551 เนื่องจากการชะลอการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคเพราะไม่มั่นใจใน ภาวะเศรษฐกิจ โดยคาดว่าในกรณีพื้นฐานตลาดปีนี้ จะมีมูลค่า 74,000-77,000 ล้านบาท ขยายตัว 2-4% ชะลอตัวลงจากปี 2551 ที่มีมูลค่า 73,000-74,000 ล้านบาท ขยายตัว 6-8%


เอกชนชะลอลงทุนซอฟต์แวร์


ทาง ด้านตลาดคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์คาดว่ามีแนวโน้มชะลอตัวเช่นกันตาม ภาวะเศรษฐกิจ โดยคาดว่าภาคเอกชนซึ่งมีสัดส่วนในตลาดกว่า 65-70% จะชะลอการลงทุนด้านไอที
ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนกว่า 28% โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีสัญญาณการชะลอตัวอย่างชั ดเจน ขณะที่ สถาบัน การเงินที่มีสัดส่วนประมาณ 17% ก็อาจระมัดระวังค่าใช้จ่ายมากขึ้น


ส่วนซอฟต์แวร์สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ มีโอกาสขยายตัวสูงขึ้น หากมีการเปิดให้บริการระบบ 3จี


ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในกรณีพื้นฐานตลาดคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ปี 2552 จะมีมูลค่า 64,000-67,000 ล้านบาท ขยายตัว 3-5% ชะลอตัวลงจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีมูลค่า 62,000-63,000 ล้านบาท ขยายตัว 9-11%

ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/2009/01/02/news_324787.php

เล่น"เกมส์" มีโอกาสได้งานมากกว่า?

รายงานจากเว็บไซต์บีบีซีของอังกฤษแจ้งว่า IBM ยักษ์ใหญ่สีน้ำเงินเผย ทางบริษัทมีความสนใจพนักงานที่เล่นวิดีโอเกมส์ โดยให้เหตุผลว่า เกมส์สอนให้ผู้เล่นมีทักษะของการเป็นผู้นำ ซึ่งมุ่งหวังความ"สำเร็จ"มากกว่าแค่การทำให้"เสร็จ"เหมือนพนักงานทั่วไป
เชื่อว่าหลังจากข่าวนี้ออกมา คงทำให้ใครหลายคนที่เคยมองเกมส์เป็นเรื่องไร้สาระ มอมเมา หรือชั่วร้าย เปลี่ยนทัศนคติไป เพราะมันกำลังทำให้เกมเมอร์ที่มีควาามสามารถมีโอกาสได้งานก่อนใครเหตุผลเนื่องจากเวลาที่เล่นเกม คนเหล่านี้จะมีจินตนาการ(ที่หาได้ยากจากพนักงานทั่วไป)ประหนึ่งว่า กำลังเผชิญกับปัญหาในสถานการณ์จริง ภายใต้ความกดดันที่ต้องฟันฝ่าไปให้ได้ ซึ่งมันจะหล่อหลอมให้ผู้เล่นมีบุคลิกภาพของความเป็นผู้นำ (คิด วางแผน เสียสละ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคโดยง่าย) ดังนั้นหากผู้สมัครคนใดที่มีความสามารถเหมาะสมกับงาน แถมยังชื่นชอบการเล่นเกมส์อีกด้วย ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
บางทีเกมสร้างสวนสัตว์อย่าง Zoo Tycoon อาจจะทำให้ผู้เล่นมีทักษะในการทำธุรกิจอย่างซื่อสัตย์ และจริงใจ ในขณะที่เกม Mario Kart อาจจะช่วยให้คุณขับรถได้ดีขึ้นก็ได้...

credit : http://www.arip.co.th/2006/news.php?ofsm=1&ofsy=2009&id=408359

ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต !! เด็กโหดฆ่าแม่เพราะฉุนโดนยึดเกม


มาร์ค-ซูซาน แพทริค(รูปซ้าย)
แดเนี่ยล แพทริค(รูปขวา)


ศาลเมืองโลเรน เคาตี้ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา พิพากษาตัดสินให้ แดเนี่ยล แพทริค วัย 17 มีความผิดฐานฆาตกรรมมารดา - พยายามฆ่าบิดา และถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตโดยไม่รอลงอาญา หลังจากที่ก่อเหตุรุนแรงดังกล่าวในปี ค.ศ.2007 เพราะโกรธแค้นที่ถูกยึดเกม Halo 3

เมื่อวันที่ 12 มกราคม ค.ศ.2009 ที่ศาลเมืองโลเรน เคาตี้ รัฐโอไฮโอ ผู้พิพากษา เจมส์ เบิร์ก ได้พิพากษาตัดสินให้ แดเนี่ยล แพทริค วัยรุ่นชายอายุ 17 ปี มีความผิดฐานฆาตกรรมมารดา - พยายามฆ่าบิดา และถูกลงโทษให้จำคุกตลอดชีวิตโดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากการใช้อาวุธปืนยิงที่ศีรษะคนทั้งสอง จากนั้นพยายามป้ายความผิดให้กับบิดาด้วยการนำอาวุธปืนไปใส่ไว้ในมือของ มาร์ค แพทริค ผู้เป็นบิดา เป็นการกระทำที่มีการคำนวณและวางแผนไว้ล่วงหน้า

โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ.2007 มาร์ค แพทริค ผู้เป็นบิดาได้ยึดเอาวีดีโอเกม Halo 3 ของบุตรชายไปเก็บไว้ไม่ให้ แดเนี่ยล มีโอกาสได้เล่น จนกระทั่งวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ.2007 แดเนี่ยล แพทริค วัย 16 ปี ได้แอบเข้าไปในห้องเพื่อเอาวีดีโอเกม Halo 3 กับปืนพกขนาด 9 ม.ม. ของบิดาไปพร้อมกัน แล้วนำปืนดังกล่าวไปใช้ก่อเหตุรุนแรงในที่สุด

จากคำให้การของ มาร์ค แพทริค วัย 45 ปีผู้เป็นบิดาระบุว่า ในวันดังกล่าวขณะที่เขาและภรรยากำลังนั่งอยู่ที่โซฟา แดเนี่ยลได้มายืนอยู่ด้านหลัง พร้อมกับบอกให้พวกเขาหลับตาเนื่องจากมีเรื่องที่อยากจะให้คนทั้งสองประหลาด ใจ

"ผมหลับตาพร้อมกับคิดว่าคงจะมีเรื่องดีๆมาเซอร์ไพรซ์ แต่หลังจากนั้นศีรษะของผมก็ไม่รู้สึกอะไรเลย เลือดจากรอยแผลของกระสุนไหลเต็มศีรษะผม ผมตระหนักได้ว่า ซูซาน แพทริค (อายุ 43 ปี) นอนเสียชีวิตอยู่ใกล้ๆ เพราะโดนยิงที่ศีรษะ แขนและหน้าอก จากนั้นลูกชายผมก็เอาปืนมาใส่มือผม แล้วบอกว่า เฮ้..ป๋า นี่ปืนของป๋าแน่ะ เอาไปสิ" มาร์ค แพทริค ให้การต่อศาล

อย่างไรก็ตาม มาร์ค แพทริค รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้เพราะว่า ลูกสาวของเขา ไฮดี้ อาร์เชอร์ กลับมาบ้านพร้อมกับ แอนดรู อาร์เชอร์ ผู้เป็นสามีพอดี ขณะที่แดเนี่ยลโกหกพี่สาวของเขาว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากคนทั้งสองมีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง จากนั้นได้หนีออกจากบ้านไป แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา และถูกพิพากษาตัดสินให้มีความผิดในที่สุด

credit : http://www.manager.co.th/Game/ViewNews.aspx?NewsID=9520000004228

วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2552

ฝึกความจำ

การจำของ ตัวเลข หรือหน้าคนมากๆได้และถูกลำดับไม่ใช่เรื่องยาก ไม่มีใครความจำดี หรือความจำไม่ดี อยู่ที่ว่าได้รับการฝึกฝนการจำหรือยัง

การจำสิ่งของหลายๆอย่างๆ จำเป็นต้องมีตะขอ(hook)ที่ใช้ดึงความจำนั้นขึ้นมา มีสองวิธีมาเสนอคือ Index กับ Roman Room System
  • Index จะเป็นการจำว่าของแต่ละอย่างอยู่ลำดับที่เท่่าไหร่ด้วย โดยลำดับที่ว่านี้คือ 1 2 3 4 5 ... แต่หากจำโดยจำว่า 1 คืออะไร 2 คืออะไร รับรองว่าจำได้ไม่กี่อย่างก็ลืมแล้ว เทคนิคที่ใช้คือ การแทนตัวเลข 1 2 3 ... ด้วยภาพแทน หลังจากนั้นก็พยายามผูกโยงความสัมพันธ์ของลำดับกับคำ เช่น คำแรกเป็น น้ำแข็ง ก็อาจนึกถึงภาพต้นไม้น้ำแข็ง สิ่งสำคัญคือต้องทำให้แปลก เหนือธรรมชาติ และพยายามให้มีทั้งเสียง กลิ่น หรือรสชาติ เพิ่มเข้าไปในภาพด้วย เพราะจะช่วยให้จำและนึกออกได้ง่าย


  • Roman Room System จะ้เป็นการจำโดยผูกโยงกับสถานที่ เช่น เราเดินทางไปสยามด้วยBTS เริ่มด้วยสถานนี หมอชิต - สะพานควาย - อารี - สนามเป้า - ... - สยาม เราสามารถใช้เส้นทางเหล่านี้แทนตะขอที่แขวนความทรงจำได้ วิธีนี้สามารถทำให้เราจำของได้มากมาย ขึ้นอยู่ว่าเรามีตะขอเท่าไหร่ โดยเวลาใช้ ก็ให้จินตนาการว่าไปเจอของนั้นอยู่ตรงสถานที่นั้นๆ ลักษณะคล้ายๆแบบ Index เลย
การจำตัวเลข จะใช้วิธีการแทนตัวเลขด้วยอักษรแทน แล้วก็สร้างขึ้นมาเป็นประโยคหรือเรื่องราวที่ทำให้เราจำได้ โดย 0=อ(ฮ), 1=รว, 2=ขง, 3=ตพฒฐฑฆ, 4=สษศ, 5=บฉช, 6=ห, 7=จ, 8=ป, 9=ก
ใช้ในการจำเบอร์โทร ทะเบียนรถ หรือค่าต่างๆ เช่น 10 แทนด้วยคำว่า เสือ (ส-อ) หากเป็นเลขหลายๆหลักเราอาจแบ่งย่อยมาเป็นคู่ๆก็ได้ แล้วค่อยสร้างเป็นคำๆไป


การจำใบหน้า
ให้สังเกตที่หน้าของคนนั้นแล้วหาสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ จำลักษณะโครงหน้า ขนาดหน้า ลักษณะคิ้ว ลักษณะตา รูปจมูก รูปปาก เราสามารถนำชื่อของคนนั้นไปสัมพันธ์กับใบหน้าก็ได้ การจำทรงผมจะไม่ไฃค่อยเท่าไรเพราะเปลี่ยนแปลงได้ง่ายและบ่อยครั้ง

ในท้ายนี้ก็ขอขอบพระคุณ อ.ธงชัย และพี่ป๋วย ที่มอบเทคนิคที่มีประโยชน์นี้ให้ครับ ขอบคุณมากครับ

วันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2552

Strategy

วงจรการบริหารธุรกิจจะมีลักษณะวงกลม เมื่อเดินมาครบทุกสูตรแล้ว ในที่สุดก็จะต้องกลับมาที่จุดเริ่มต้น คือ การวางกลยุทธ์ (Strategy) เป็นเหมือนการกลับมาทบทวนดูการบริหารของเราอีกรอบว่า กลยุทธ์ (Strategy) ธุรกิจที่เราทำอยู่ เป็นอย่างไรบ้าง มี ข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร เพื่อจะหากลยุทธ์ใหม่ ๆ รูปแบบใหม่ ๆ ในการทำงาน

ในต่างประเทศเราจะเห็นองค์กรต่าง ๆ มีแผนก Strategic Planning เพื่อคอยเช็คสุขภาพธุรกิจขององค์กรนั้น ๆ ว่ายังมีกลยุทธ์ที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้หรือไม่ และเป็นหน่วยงานที่คอยวางแผนสอดส่อง หาช่องทางและโอกาสใหม่ ๆ เข้ามาเติมเต็มให้ธุรกิจ

สำหรับหลักคิด 3 ตัวแรก Model, Scale และ Leverage เรียกได้ว่าเป็น Fundamental เป็นเหมือนกับ Foundation ของเรา นั่นคือ การเริ่มต้นจากอะไร เมื่อถึงจุดหนึ่งยังมี Growth อยู่หรือไม่ ยังสามารถ Leverage ต่อไปได้หรือไม่ หลังจากนั้นต้องมาดูว่า Strategy เป็นอย่างไร
หลังจากนั้นคำถามก็จะวนกลับมาเป็นแบบเดิมว่า "เราจะหาอะไรใหม่ ๆ ให้ธุรกิจ"

หลายธุรกิจจะเดินตามหลักคิดนี้ เช่น ธุรกิจโรงแรม เมื่อเริ่มจากแบรนด์แรกแล้ว ก็มักจะแตกแบรนด์อื่นๆ ตามมาด้วย หลังจากนั้นก็เริ่มจับ Segmentation ถือเป็นเรื่องของ Strategy ไม่ใช่การ Leverage เช่นเดียวกับการทำธุรกิจประเภทหนึ่งและขยายไปทำอีกธุรกิจหนึ่ง ก็เป็นเรื่องของ Strategy เพื่อหายุทธศาสตร์ใหม่ ๆ เข้ามาเติมให้องค์กรเติบโตต่อไปในอนาคต และทำให้ธุรกิจที่เราดำเนินการอยู่มีอะไรใหม่ ๆ เข้ามาอยู่ตลอดเวลา

Strategy เป็นการ Rethink หรือ Focus ว่ายุทธศาสตร์ใดบ้าง ที่ได้เวลาต้องมาอัพเดทให้ก้าวทันสถานการณ์การทำธุรกิจ ซึ่งหลายองค์กรควรจะให้ความสำคัญกับหน่วยงาน Strategic Planning เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เองก็มีหน่วยงาน Strategic Planning ที่จะทำหน้าที่วิเคราะห์ตัวเลขต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ศึกษาพื้นที่การขยายสาขาใหม่ ๆ วิจัยข้อมูลต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา

Strategy เป็นการคิดแบบเชิงกลยุทธ์ ที่สามารถคิดได้จากพื้นฐานธุรกิจเก่า และการพัฒนาธุรกิจใหม่

ในธุรกิจเก่าเมื่อบิซิเนส โมเดล มี Scale ที่เหมาะสมแล้ว และสามารถ Leverage การเติบโตได้ครบทุกช่องทางแล้ว และเมื่อเติบโตได้ถึงจุดหนึ่งก็ต้องคิดต่อว่าจะทำอย่างไร ซึ่งเป็นขั้นตอนของ Strategy ที่ถือว่าเป็น Step of Life ของธุรกิจ ที่ต้องคิดให้ต่อเนื่องกันไป เพื่อให้เกิดวงจรธุรกิจที่ยั่งยืน

Strategy ของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ คือ การกำหนดยุทธศาสตร์การเติบโตในธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะทำกำไรนอกเหนือจาก การขายบัตรชมภาพยนตร์ ที่เป็นธุรกิจหลัก เช่น การร่วมทุนกับ บีอีซี เทโร บริหาร ไทยทิคเก็ตเมเจอร์, ขยายธุรกิจจัดจำหน่าย วีซีดี ดีวีดี เป็นต้น ทั้งหมดเป็นการทำธุรกิจให้ครบวงจรในอุตสาหกรรมนั้น ๆ และเป็นการสร้าง บิซิเนส โมเดล ที่จะทำงานได้ง่ายขึ้น เติบโตได้ง่ายขึ้น แข่งขันได้ง่ายขึ้น หากไม่ทำเช่นนี้ก็จะเป็นโมเดลที่เติบโตได้ลำบาก ทำธุรกิจต่อไปก็เสียเวลา

อีกตัวอย่างที่เป็น Strategy ของ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว คือ การร่วมเป็นพันธมิตรกับ บริษัท พีวีอาร์ ซีนีม่าร์ จำกัด (มหาชน) ประเทศอินเดีย เพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจโบว์ลิ่ง, คาราโอเกะ, ลานสเกตน้ำแข็ง และเกมโซน ภายใต้แบรนด์ Blu-O Rhythm & Bowl ในอินเดีย เนื่องจากผมเห็นว่าอินเดียเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพด้านการขยายตัวและการ พัฒนาประเทศค่อนข้างสูงมาก ประกอบกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคของอินเดียนั้นมีศักยภาพที่เอื้อให้ธุรกิจไล ฟ์สไตล์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เติบโตได้ดีแห่งหนึ่ง

การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เพราะผมมองว่าตลาดไทยน่าจะมั่นคงในระดับหนึ่งแล้ว เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ จึงต้องมองการ Leverage ประสบการณ์ในธุรกิจในตลาดอื่น ๆ ที่มีโอกาส จึงเริ่มวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ

และเมื่อมีการวางกลยุทธ์ (Strategy) ว่าจะไปขยายธุรกิจในต่างประเทศแล้ว ก็เริ่มต้นที่การกำหนด Business Model จากนั้นต่อไปจะเป็นขั้นตอนการทำ Scale และ Leverage เช่นเดียวกัน หลักคิดทั้ง 4 ตัวที่ผมใช้บริหาร เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในประเทศไทย ก็จะนำไปใช้วางแผนในการบริหารธุรกิจในอินเดียด้วยเช่นกัน

credit : http://newsroom.bangkokbiznews.com/comment.php?id=4273&user=vicha

Leverage

เมื่อเราสามารถพัฒนาและขยายธุรกิจให้มี Scale ที่เหมาะสมแล้ว จากนั้นต้องคิดถึงการต่อยอดธุรกิจให้เติบโตด้วยแนวคิดแบบ Leverage หรือ การเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการมากกว่าที่มันควรจะเป็น

"การLeverage คือ การนำเอาธุรกิจที่เรามีอยู่ไปต่อยอดร่วมกับพันธมิตร หรือบุคคลอื่นๆ ในรูปแบบต่างๆ ด้วยความพร้อมในจังหวะที่เหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจของเราและ ของพันธมิตร"

ตลอดระยะเวลาการบริหาร เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มากว่า 12 ปี เราได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับธุรกิจอื่นๆ หลากหลายตามแนวคิดแบบ Leverage ที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งการทำธุรกิจในปัจจุบันของหลายๆ ธุรกิจ จะเห็นได้ว่า Revenue ไม่ได้มาจากธุรกิจหลักเท่านั้น แต่มี Revenue จากธุรกิจอื่นๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนและประสบความสำเร็จอย่างมากคือ บริการเคาน์เตอร์ เซอร์วิส ในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่มีรายได้จากการรับชำระค่าบริการต่างๆ ไม่ใช่เพียงแค่การขายสินค้าคอนซูเมอร์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของร้านเท่านั้น

ดังนั้น หากวันนี้เรายังยึดหลักการบริหารแบบเดิมๆ จาก บิซิเนส โมเดล หลักเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องการทำ Scale และ Leverage แล้ว คงมีรายได้เข้ามาจากธุรกิจหลักเพียงทางเดียว ซึ่งอัตราการเติบโตของรายได้ก็คงเป็นแบบเดิมๆ ได้กำไรเท่าเดิม และไม่มีอะไร "ตื่นเต้น" ในการทำธุรกิจอีกแล้ว ดังนั้นเราจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการ Leverage ในทุกๆ ด้านที่มีโอกาส เพราะเป็นการพัฒนารูปแบบการทำการตลาดใหม่ๆ ซึ่งทำให้เรามีโอกาสได้ฝึกคิด และตื่นเต้นกับกลยุทธ์ใหม่อยู่เสมอ เช่น ตั๋วชมภาพยนตร์ เราสามารถบริหารให้เกิดมูลค่าเพิ่มได้อย่างไร สามารถเปลี่ยนให้เป็นมีเดียใช้โฆษณาได้ไหม? พื้นที่ล็อบบี้ของโรงภาพยนตร์เราสามารถทำกิจกรรมได้ไหม? ลานกิจกรรมทำให้มีมูลค่าเพิ่มได้ไหม? หรือสามารถเปลี่ยนพื้นที่มาทำเป็นมีเดียได้อย่างไร? ทั้งหมดล้วนเป็นคำถามที่เมเจอร์ฯคิดมาตลอดและหาคำตอบพบแล้วในการบริหาร ธุรกิจวันนี้ ผมว่าเราสามารถคิดการทำกิจกรรมได้ทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มของการใช้พื้นที่เพื่อให้เกิดประโยชน์และสร้าง มูลค่าเพิ่มสูงสุดได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งหมดมาจากหลักคิดเรื่องการ Leverage ทั้งสิ้น

หากพิจารณาการทำธุรกิจของเมเจอร์ฯเราใช้หลักการ Leverage ทุกด้าน เริ่มจากที่เรามองลูกค้าเป็น Asset เราไม่ได้มอง "ลูกค้า" ว่าเป็นแค่ "คนมาดูหนัง" ดูจบแล้วก็จากไป แต่เราต้องการให้ลูกค้าใช้เวลากับเรามากขึ้น ใช้เงินกับเรามากขึ้น รักเรามากขึ้น และที่สำคัญต้องมีความสุขที่ใช้เวลาอยู่กับเรามากขึ้น ซึ่งทั้งหมดที่เราต้องการจะทำอย่างไร?

คำตอบก็คือ การเพิ่มมูลค่าให้หลากหลาย จากการทำ Lifestyle Mall ธรรมดา เมเจอร์ฯก็เสริม Entertianment เข้าไปด้วย มีทั้ง ไอซ์สเก็ต โบว์ลิ่ง คาราโอเกะ หรือตั๋วชมภาพยนตร์ก็ยังสามารถนำไปแลกบริการอื่นๆ ได้เพิ่มเติม เช่นเดียวกับธุรกิจของร้านแมคโดนัลด์ ที่จะได้สิทธิพิเศษอื่นๆ เพิ่มเติมจากโรงภาพยนตร์ และการ Leverage ต่อไปของแมคโดนัลด์ นอกจากการส่งเดลิเวอรี่อาหารแล้ว ต่อไปอาจจะส่งแผ่นวีซีดี ดีวีดี ให้ถึงบ้านด้วยก็ได้ ซึ่งถือเป็นการ Leverage ทรัพย์สินที่เรามีอยู่ให้เกิดรายได้

หลักการ Leverage ของธุรกิจต่างๆ จะแตกต่างกันตามประเภทของธุรกิจ แต่ของเมเจอร์ฯ จะอยู่บนพื้นฐานที่ "มองลูกค้าเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงสุด" เมื่อลูกค้ามาอยู่ที่เมเจอร์ฯแล้ว จะทำอย่างไรให้ลูกค้าเห็นหรือได้ประโยชน์จากเมเจอร์ฯมากที่สุด และกลับมาใช้บริการบ่อยๆ
ในการปรับปรุงสาขาเก่าของเมเจอร์ฯ และการเปิดสาขาใหม่ จะมีการพัฒนา Lobby Lounge ให้เป็น Public Lounge ลูกค้าจะเห็นมีเดีย กิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ที่สร้างความบันเทิง สามารถให้ข้อมูลหรือสั่งซื้อบริการจากระบบทัช สกรีน ให้กับลูกค้าได้ตามหลักการ Leverage ทรัพย์สินของเมเจอร์ฯ

นักธุรกิจวันนี้จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการ leverage asset ให้ได้สูงสุด หากหลักคิดนี้บางครั้งไม่ได้อยู่ในความคิดของนักธุรกิจก็จะเป็นเรื่องที่ เสียโอกาสในการบริหารธุรกิจอย่างมาก เพราะจะคิดแค่ว่าจะขายสินค้าหรือบริการเพียงอย่างเดียว แต่หากเปลี่ยนแนวคิดใหม่ก็สามารถเติบโตได้อีกต่อไป
ปัจจุบันบิซิเนส โมเดล ทุกประเภทของเมเจอร์ฯจะมีการ Leverage ซึ่งกันและกัน เราจะไม่มองการทำธุรกิจแต่ละธุรกิจเพียงมุมเดียว และหากทุกคนมีหลักคิด Leverage เชื่อว่าทุกธุรกิจจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ไม่แตกต่างกัน และในความเป็นจริงบิซิเนส โมเดล ทุกประเภทของเมเจอร์ฯก็ไม่ได้ Leverage กันเองตามธรรมชาติ แต่เป็นหลักคิดของผู้บริหารที่ต้องการให้ธุรกิจมา Leverage กัน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านรูปแบบกิจกรรมต่างๆ
หลักการ คิด Leverage เป็น creative ที่ต้องสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง ซึ่งทั้งหมดมาจากแนวคิดและความเชื่อว่า "ทำได้" ซึ่งใช้หลักการคิดเดียวกับการ Convergence ที่เป็นการเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจ และผมเชื่อว่าทุกธุรกิจทำได้ไม่แตกต่างกัน

credit : http://newsroom.bangkokbiznews.com/comment.php?id=3918&user=vicha